Chapter XI : Undercurrent
Title : Chapter XI Undercurrent
Pairing : Hyunbin x Yongguk
Rated : PG
Genre : Omegaverse, Romantic, Domestic
Note : คนที่โอนฟิครอบสามวันแรก
รบกวนอ่านทอล์คโด้ยน้าคับ : )
Hastag #PBITR
--------------------------------------------------
งานรับตำแหน่งนายใหญ่ตระกูลคังของคังดงโฮนั้นใหญ่โตสมศักดิ์ศรีอย่างหาที่ติไม่ได้
แขกในงานที่มาร่วมยินดีล้วนมาจากตระกูลทรงอิทธิพลในเกาหลีใต้ทั้งสิ้น
ทว่าก็มีตระกูลอัลฟ่าเก่าแก่อีกหลายตระกูลที่ไม่ยินดีใดๆกับงานในครั้งนี้เช่นกัน
มิใช่เพียงเพราะตระกูลคังให้กำเนิดลูกหลานสายเลือดโอเมก้าอย่างคิมยงกุก
หากเพราะการแสดงตนว่าสนับสนุนให้โอเมก้ามีบทบาทเท่าเทียมในสังคมไม่ต่างจากอัลฟ่าและเบต้านั้นทำให้เกิดความบาดหมางต่อเหล่าตระกูลเก่าแก่เป็นอันมาก
ในยุคสมัยปัจจุบันที่รัฐบาลให้การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของทุกสายเลือดอย่างเท่าเทียมนั้น
ความคิดกรุเก่าก็ยังคงซ่อนเร้นอยู่ในกลุ่มคนบางกลุ่มไม่เคยหายไปอยู่ดี
ยงกุกรู้มาว่าในบางสังคมยังมีวัฒนธรรมล่าแรร์โอเมก้ากันอยู่เลย
จินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าหากเขาไม่ได้เกิดและเติบโตมาเป็นโอเมก้าในตระกูลที่น่านับถืออย่างตระกูลคัง
ชะตากรรมของเขาจะเป็นอย่างไร
“กังวลอะไร หืม?”
ควอนฮยอนบินเอ่ยถามคนข้างกายบนเบาะหลังของรถคันหรู
ในตอนที่รถยนต์ประจำตระกูลควอนจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ตระกูลคัง
ทว่าดวงตาคู่สวยของคุณภรรยายังคงเอาแต่จดจ้องภาพตรงหน้านิ่งงัน
ก่อนจะหันมาส่งยิ้มบางเบาให้เขาในที่สุด
“ไม่ได้กังวลครับ
แค่รู้สึกแปลกๆ..ก็เป็นครั้งแรกที่มาที่นี่ในฐานะแขกนี่นา”
“เป็นครั้งแรกที่ออกงานในฐานะภรรยานายใหญ่ตระกูลควอนด้วย”
ยงกุกหัวเราะเสียงใสขึ้นมาทันใดกับประโยคและน้ำเสียงเชิงขี้เล่นของอีกฝ่าย
ที่พักหลังมานี้มักจะเห็นได้บ่อยๆ
และก็เป็นอีกครั้ง...ที่ควอนฮยอนบินปัดเป่าความรู้สึกยุ่งเหยิงของเขาให้ปลิวหายได้อย่างน่าอัศจรรย์
“ไปกันเถอะ”
ฝ่ามือใหญ่ที่ยังคงอบอุ่นเสมอมาวางลงบนกลุ่มผมนุ่ม
ก่อนที่เราจะพากันลงจากรถเพื่อเผชิญหน้ากับสายตานับหลายสิบคู่ที่พร้อมจะให้ความสนใจในทุกย่างก้าวของเราสองคน
อย่างที่ฮยอนบินบอก
นี่เป็นครั้งแรกที่ยงกุกออกงานในฐานะคนของตระกูลควอน
และเป็นที่รู้กันว่าการแต่งงานระหว่างโอเมก้าตระกูลคังและอัลฟ่าตระกูลควอนนั้น
สร้างแรงกระเพื่อมต่อวงการไม่น้อยเลยทีเดียว
ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากการเดินเคียงคู่กันของเราทั้งคู่จะถูกทุกสายตาจับจ้องแบบนี้
ให้ว่ากันตามตรง
ยงกุกก็ไม่ได้คุ้นชินกับการถูกจับจ้องนัก
เขาอยู่ใต้ปีกของพ่อและพี่ชายที่กางกั้นปกป้องเขาจากความโสมมภายนอกมานานแสนนาน
ออกงานแต่ละครั้งการป้องกันก็แน่นหนาเสียจนยากนักที่ใครจะสามารถลอบมองได้
หากแต่ก็ไม่ได้เหลาะแหละเกินกว่าจะรู้ว่าควรวางตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้
ที่ใครว่ากันว่าเจ้าหญิงตระกูลคังหยิ่งยโสนั้นก็มิใช่เพียงข่าวลือไร้มูลที่มาเสียทีเดียว
เพราะถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลใหญ่
ก็จำต้องเรียนรู้ไว้ด้วยว่าตนกำลังคงสถานะไหนและต้องสวมใส่หน้ากากแบบใด
การทำตัวให้เข้าถึงยากที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คิมยงกุกเรียนรู้ที่จะต้องเป็นมาตลอด
นอกจากคนใกล้ตัวที่ไว้ใจแล้ว
ก็ไม่มีใครได้เคยเห็นความอบอุ่นอ่อนโยนที่แท้จริงของเจ้าหญิงตระกูลคังเช่นกัน
และเมื่อทันที่เราทั้งคู่พากันเดินเข้ามาจนถึงห้องโถงใหญ่
รอยยิ้มอ่อนหวานที่ฮยอนบินคุ้นชินมาหลายเดือนก็ถูกฉาบทับด้วยความเรียบนิ่ง
ทำเอาเขานึกถึงก่อนหน้าที่แต่งงานกันแรกๆ
ใบหน้าเรียบนิ่งที่ดูคล้ายกับจะหยิ่งยโสอยู่ในที
หากแต่เมื่อเรียนรู้ที่จะมองให้ลึกลงไป
ก็คงเข้าใจได้ไม่ยากว่าทั้งหมดก็เป็นเพียงเปลือกนอกที่ใช้เพื่อปกป้องตัวเองแต่เพียงเท่านั้น
ในตอนนี้เขาเข้าใจแจ้งแล้วว่าเหตุใดคนถึงได้ลือเกี่ยวกับยงกุกกันไปเช่นนั้น
“มากันแล้วหรอทั้งสองคน”
นายใหญ่ตระกูลคังที่กำลังจะกลายเป็นอดีตนายใหญ่ในวันนี้เดินออกมาต้อนรับเขาทั้งคู่ด้วยตัวเอง
ชายกลางคนค่อนไปทางเกือบชราเอ่ยกับพวกเขาว่าคังดงโฮกำลังเตรีมตัวอยู่ในห้อง
ส่วนคังแดเนียลและอิมยองมินยังคงต้องต้อนรับแขกตามหน้าที่ของเจ้าบ้านที่ดี
และในตอนนั้นเองที่ยงกุกรู้สึกได้ถึงบางอย่าง…ทั้งรอยยิ้มและสายตาของพ่อดูโรยราอย่างที่ยงกุกไม่เคยเห็นมาก่อน
แม้จะได้พูดคุยกันอยู่ได้ไม่นานเพราะพ่อต้องแยกตัวไปคุยกับประธานพัคเสียก่อน
แต่เพียงไม่เวลาไม่กี่นาทีเขาก็สังเกตเห็นได้ไม่ยาก
“พ่อดูไม่ดีเลยพี่บิน”
แววกังวลฉายชัดบนใบหน้าสวยทันทีที่เราทั้งคู่หย่อนตัวนั่งลงบนโต๊ะที่ถูกจัดไว้ให้คนตระกูลควอนโดยเฉพาะ
และฮยอนบินเองก็ทำได้เพียงวางฝ่ามือใหญ่ทาบลงบนใบหน้าใส
ใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยไล้แผ่วเบาราวกับปลอบประโลมว่าทุกอย่างไม่มีอะไรให้กังวล
“คุณพ่อก็แค่เหนื่อยน่ะยงกุก…แต่จากนี้ไปก็คงไม่เหนื่อยอีกแล้ว
อย่าคิดมากเลยนะ”
แม้ตัวเขาจะรู้ดีอยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร…
แต่อย่างไรสัญญาก็ต้องเป็นสัญญา…เขาจะไม่ผิดคำพูดที่ให้ไว้กับคุณคังและทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความสุขของยงกุกตามที่สัญญาเอาไว้ต่อไป…
และเขาเชื่อว่าคนอย่างคุณคัง...ก็คงจะตัดสินใจและไตร่ตรองทุกสิ่งเป็นอย่างดีแล้วเช่นกัน
“อ่า
ขอโทษทีนะ...นี่อามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าเนี่ย หืม?”
สองสามีภรรยาตระกูลควอนเงยหน้ามองผู้มาใหม่พร้อมกันในทันใด
เสียงทุ้มเจือความขี้เล่นนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกลหากแต่เป็นคนตระกูลควอนที่ถูกเชิญมาร่วมงานรับตำแหน่งในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
“อายองดึก”
เจ้าของชื่อคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงหลังจากที่ฮยอนบินและยงกุกลุกขึ้นค้อมตัวทำความเคารพตามมารยาทอย่างที่ควรแล้ว
ควอนยองดึกลอบมองใบหน้าเรียบนิ่งของลูกชายคนเล็กตระกูลคัง
ที่ตอนนี้พ่วงตำแหน่งหลานสะใภ้เพียงชั่วครู่
ก่อนจะเบนสายตากลับมามองหลานชายแท้ๆของตน
“ไงหลานอา...พักนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะ”
“อาไม่ค่อยเข้าบริษัทนี่ครับ”
“ก็เพราะเราชอบส่งอาไปดูแลสาขาย่อยที่ปูซานหรือเปล่า? ไม่อยากเจออาขนาดนั้นเชียว?”
ควอนฮยอนบินคลี่ยิ้มตอบกลับ
มิใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตรเลยสักนิดในความรู้สึกคนมอง
และแน่นอน...เขาจงใจให้ควอนยองดึกรับรู้เอาไว้เช่นนั้น
“คิดมากไปแล้วครับ...มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องไม่อยากเจออาล่ะ?”
“แหม...อาก็แค่ล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง”
ควอนยองดึกเอ่ยเคล้าเสียงหัวเราะ
หากเราต่างก็รู้ดีว่าภายใต้รอยยิ้มและท่าทีเหล่านี้มันแฝงไปด้วยอะไรบ้าง
ระหว่างเรามันเป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำมานานแล้ว
แม้จะยังเล่นละครใส่หน้ากากเข้าหากัน
ทำเหมือนว่าเรายังเป็นครอบครัว
ทำเป็นว่าทุกอย่างปกติดี
หากแท้จริง...ภายใต้ความปกติอันนิ่งสงบ
คลื่นลูกใหญ่ก็แค่รอเวลาสาดซัดทำลายทุกสิ่งให้พังราบก็เท่านั้น
แต่คนที่พังราบจะต้องไม่ใช่เขา
โดยอย่างยิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือบอบบางของคนข้างๆจับกันอยู่นั้น…
ยิ่งตอกย้ำว่าเขาจะยอมให้ตัวเองอ่อนแอไม่ได้อีกต่อไป
.
.
.
.
.
.
งานรับตำแหน่งของนายใหญ่ตระกูลคังคนใหม่ผ่านพ้นไปด้วยดี
และอย่างที่เดาได้ง่ายๆ เช้าวันต่อมา
ทั้งข่าวออนไลน์และหน้าหนังสือพิมพ์ยังคงประโคมข่าวเรื่องนี้กันไม่หยุดแม้จะผ่านมาสองวันแล้วก็ตาม
พี่แดเนียลโทรมาเล่าให้ยงกุกฟังเมื่อตอนสายว่าคังดงโฮงานล้นมือขึ้นเป็นกองหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
ให้รอดูพี่ชายคนโตของเราลงนิตยาสารได้เลย อะไรทำนองนั้น
แต่ข่าวสำคัญสำหรับช่วงสายของวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของคังดงโฮ
แต่เป็นเรื่องที่พ่อบินไปนิวซีแลนด์ตั้งแต่เมื่อวานต่างหาก
คนเป็นพี่บอกว่าพ่อวางแผนจะไปพักผ่อนเงียบๆมานานแล้ว
เพราะแบบนั้นยงกุกจึงพูดอะไรไม่ได้นอกจากฝากฝังคังแดเนียลว่าติดต่อพ่อได้เมื่อไหร่ก็ให้โทรหาเขาด้วย
“เป็นอะไร เหม่อบ่อยจังเลย หืม?”
ควอนฮยอนบินที่ลอบสังเกตท่าทีเหม่อลอยของภรรยาอยู่นานเอ่ยทักขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปดึงมีดปอกผลไม้ในมืออีกฝ่ายออก
ด้วยเกรงว่าจะเหม่อจนเผลอทำมีดในมือบาดตัวเองไปเสียก่อน
ไม่วายจะได้กินแอปเปิ้ลอาบเลือดเข้าให้
“คิดเรื่องพ่อน่ะครับ…” คนอายุน้อยกว่าถอนหายใจ
ก่อนจะเลื่อนจานผลไม้ที่ปอกแล้วไปให้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ฝั่งตรงข้ามกัน พลางส่งยิ้มสดใสออกมาราวกับพยายามจะปลอบใจตัวเอง
“ช่างมันเถอะครับ...เดี๋ยวติดต่อพ่อได้พี่แดนก็คงโทรมา”
“พ่อเขาก็คงอยากเที่ยวพักผ่อนนั่นแหละยงกุกอา...พูดถึง
เราก็ไปกันบ้างดีไหม?”
“ครับ?”
ควอนฮยอนบินหลุดหัวเราะเอ็นดูออกมากับท่าทางทวนคำถามน่ารักๆของคนตรงข้ามที่ทำเอาอยากจะตรงเข้าไปหอมฟอดใหญ่ๆเสียหนึ่งที
ก็นะ...ช่วงนี้เขารู้สึกอีกฝ่ายน่ารักขึ้นทุกวันๆ
จนอดจะกอดบ้างหอมบ้างในทุกครั้งที่มีโอกาสไม่ได้จริงๆ
“ไปเที่ยวต่างประเทศไง ฮันนีมูนน่ะ”
“อ๋อ...ไปสิครับ
พี่ว่างเมื่อไหร่เราก็ค่อยไปกัน”
คนเป็นพี่พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม
อันที่จริงเขามีตัวเลือกไว้อยู่หลายที่แล้ว
ไว้หาตารางที่แน่นอนได้ก็จะลองให้ยงกุกเลือกอีกที
และในตอนนั้นเองที่กำลังจะหยิบแอปเปิ้ลเข้าปาก
เขาก็พลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้เสียก่อน
“จริงสิยงกุก เราไม่สบายเหรอ? พี่เห็นถุงยา...เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“อ๋อ ยาอันนั้น…”
ยาระงับฮีทที่พี่แดนให้มาตั้งแต่ตอนไปบ้านเมื่อเดือนก่อน…
จริงสิ...เมื่อวานเหมือนเหมือนเขาจะหยิบออกมาวางไว้เพราะตั้งใจจะเอาไปทิ้งแต่ก็ลืมจนได้
“ไม่มีอะไรหรอกครับ
ว่าจะเอาไปทิ้งอยู่แล้ว”
“ยาอะไร? เราป่วยอะไรทำไมพี่ไม่รู้ล่ะ?”
คิมยงกุกเม้มปากเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง
อ่า...ก็รู้ว่าคงเป็นห่วง
แต่จะให้เขาพูดยังไงดีล่ะ…
กะจะปล่อยเบลอแล้วคิดเสียว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดแท้ๆ
“คือ...ไม่ได้ป่วยครับ”
“อย่าโกหกพี่สิ”
“ไม่ได้โกหกนะครับ
ก็ยาอันนั้นมันยา---” คนโดนไล่ต้อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวจำยอม
ก่อนจะเอ่ยมุบมิบออกไปในที่สุด
“มันยาระงับฮีทต่างหากครับ…พี่แดนให้มา
เพราะอีกเดือนกว่าก็จะเข้าช่วงฮีทแล้ว…”
ควอนฮยอนบินนิ่งไปชั่วขณะ
อันที่จริงเขาไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนราวกับลืมไปเสียสนิทว่าโอเมก้าอย่างยงกุกก็ต้องมีช่วงเวลาแบบนี้
หากแต่ที่ทำให้ชะงักไม่ใช่เพราะเหตุใด…
แต่เป็นเพราะยงกุกบอกว่าจะทิ้งยานั่นต่างหาก
จะไม่กินยาทั้งที่รู้ว่าอาการฮีทส่งผลโดยตรงต่ออัลฟ่ามากแค่ไหนน่ะหรือ?…
“แน่ใจนะว่าจะไม่กินยา?”
เสียงทุ้มเอ่ยย้ำถามด้วยเพราะตัวเขาเองก็อยากแน่ใจ
ว่าการตัดสินใจของยงกุกจะไม่มาจากการจำยอม
เพราะฮยอนบินไม่อยากรู้สึกว่ากำลังเอาเปรียบอีกฝ่าย
แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าในหัวเริ่มคิดไปต่างๆนาๆจนอยากจะเอาหัวโขกกำแพงเสียตั้งแต่ตอนนี้
เผื่อว่าความคิดบ้าๆพวกนั้นจะหายไปบ้าง
“ครับ...ไม่เป็นไรหรอก”
ทว่ารอยยิ้มบางเบาที่ยังคงให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนเสมอมา
รวมไปถึงสายตาที่มองสบกันก็ตอบคำถามที่แสนยุ่งเหยิงในใจของฮยอนบินจนหมด…
“ก็เราแต่งงานกันแล้วนี่นา”
ว่าทุกอย่างที่ยงกุกตัดสินใจล้วนคือความเต็มใจทั้งสิ้น…
และวินาทีนั้นเองที่ควอนฮยอนบินได้เรียนรู้ว่า
คิมยงกุกที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมราวกับดอกไม้บอบบางคนนี้
แท้จริงแล้วเข้มแข็งกว่าที่มองเห็นภายนอกมากขนาดไหน...
Talk
ปุกาดสำหรับคนที่โอนรอบสามวันแรกคับ
รบกวนช่วยเข้าไปกรอกฟอร์มให้เราทีนะคะ: ) >>Click<<
เอาจริงๆ แป๊บๆก็มาถึงตอนที่ 11 แล้ว
กับเวลาสามเดือนกว่าที่อยู่ด้วยกันมา บอกตรงๆว่านี่คือการอัพฟิคเร็วที่สุดเท่าที่เคยอัพมาแล้วค่ะ
เรื่องก่อนคือแต่งเป็นปีกว่าจะจบ แต่เรื่องนี้คือ อีกไม่กี่ตอนก็จบแน้ว ใจหายไม๊ ;-;
จริงๆตั้งใจไว้ว่าจะอัพอาทิตย์ละครั้ง
เพราะไม่ชอบอัพเป็นเปอร์เซ็น แต่คิดว่าถ้าคนอ่านรอนาน เราอาจจะอัพอาทิตย์ละ2ครั้ง แบ่งเป็น
40 กับ 60 เปอร์เซ็นโน๊ะ
ไม่อยากลงจบเร็วค่ะบอกตรงๆ นุเส้า;-; อยากอยู่กับทุกคนต่อปัย
ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกัน
ให้กำลังใจกันมาจนถึงตอนนี้เลยนะคะ ทุกฟีดแบคคือแรงใจที่ดีมั่กๆเลย รักกก(´・` )♡
ไม่เวิ่นเว้อแน้ว
เจอกันเสาร์หน้าหรืออาจเร็วกว่านั้นเนาะ
แล้วก็เผื่อใครยังไม่รู้ เราเปิดโอนแล้วน้าคับ มาจับจองเป็นเจ้าของกันได้เน่อ >>Click<<
แล้วก็เผื่อใครยังไม่รู้ เราเปิดโอนแล้วน้าคับ มาจับจองเป็นเจ้าของกันได้เน่อ >>Click<<
คุยกันได้ที่เดิมที่ #PBITR นะคะนะคะ
เริ้บ
m i s s c o z y
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น