Prologue
Title : Prologue
Pairing : Hyunbin x Yongguk
Rated : PG
Genre : Omegaverse, Romantic
Has tag #PBITR
Note : สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านแนวโอเมก้าเวิร์ส สามารถทำความรู้จักคร่าวๆได้ที่นี่เลยค่ะ >>Click<<
>> สารบัญ <<
----------------------------------------------
‘เหมาะสมกันจริงๆ’
Note : สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านแนวโอเมก้าเวิร์ส สามารถทำความรู้จักคร่าวๆได้ที่นี่เลยค่ะ >>Click<<
>> สารบัญ <<
----------------------------------------------
กระจกเงาบานใหญ่ตรงหน้าสะท้อนภาพชายหนุ่มวัย23 ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา
เป็นเวลานานหลายนาทีที่คิมยงกุกไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งนิ่งๆอยู่หน้ากระจกแบบนี้
แม้ไม่ได้มีอะไรมากมายให้ดูมากไปกว่าใบหน้าที่ใครหลายคนต่างบอกว่ามักจะเรียบนิ่งเสียจนคาดเดาความคิดไม่ออก
รวมไปถึงนัยน์ตาสีเข้มที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ
ทั้งหมดที่เขาทำมีเพียงนิ่งเงียบ...แม้จะใกล้เวลาสำคัญเข้าไปทุกที
เขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก
ไม่ยินดีหรือยินร้ายใดๆ เป็นความรู้สึกที่คล้ายจะว่างเปล่า หากก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
อย่างไรก็ตามมันไม่สำคัญเสียเท่าไหร่
ไม่ว่าเขาจะรู้สึกอะไร…
“เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วหรือยังยงกุก?”
ตาเรียวสวยเหลือบมองผู้มาใหม่ผ่านกระจก
ก่อนจะส่งรอยยิ้มบางเบาไปให้เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้
อิมยองมินเดินมาหยุดยืนข้างหลังก่อนจะวางมือลงบนบ่าของเขา
แววตาของคนเป็นพี่ไม่ได้มีความปีติยินดีมากนัก
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิตของน้องชายอย่างยงกุกก็ตามที
“ทำหน้าอะไรแบบนั้นล่ะพี่ยองมิน...วันนี้วันแต่งงานของน้องเชียวนะ”
“นี่พี่ว่าพี่อาการดีสุดๆแล้วนะ
ในบรรดาพี่ชายของเราน่ะ”
“จริงด้วย พี่ดงโฮกับพี่แดนล่ะ?”
“นั่งหน้าบูดรออยู่ในโบสท์แล้ว”
“เป็นงั้นไป”
“พี่พาเราหนีตอนนี้ทันปะวะ
เดี๋ยวบอกดงโฮเรียกฮ.มาดี๋ยวนี้เลย”
ประโยคนั้นของผู้เป็นพี่ทำเอาคิมยงกุกหลุดหัวเราะเสียงใส
“ได้ที่ไหนล่ะพี่ยองมิน...กุกไม่ได้โดนบังคับแต่งนะ
นี่ก็ว่าเต็มใจอยู่”
อิมยองมินถอนหายใจ
“วันนี้น้องที่พี่โอ๋มากับมือต้องแต่งงานไปอยู่กับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้นะยงกุก
เขาจะดูแลน้องพี่ดีรึเปล่า จะทำน้องพี่ลำบากไหม? แค่คิดก็ประสาทจะกิน”
“แต่งเข้าตระกูลควอนนะพี่ยองมิน
ไม่ได้ไปเป็นเมียคนป่าซะหน่อย”
“เรานี่นะ”
“อย่าคิดมากเลย” ฝ่ามือบางของยงกุกวางซ้อนมือคนเป็นพี่ที่อยู่บนบ่าเขาอีกที
ริมฝีปากสีพีชส่งยิ้มให้กับพี่ชายขี้กังวล “มันเป็นหน้าที่ของกุกนะพี่ยองมิน”
“เป็นครั้งแรกเลยที่อยู่ดีๆพี่ก็นึกเจ็บใจที่เราเกิดเป็นโอเมก้า”
ที่ผ่านมาครอบครัวของเขาไม่มีใครคิดรังเกียจยงกุกแม้แต่น้อย
เมื่อรู้ว่าเกิดเป็นโอเมก้า สำหรับนายใหญ่ตระกูลคัง
การมีลูกเป็นโอเมก้าไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย หากแต่ยิ่งต้องทะนุถนอมราวไข่ในหิน
แม้แต่นามสกุลคังของสายตระกูลหลักยังไม่ยอมให้ใช้เพราะกลัวต้องตกอยู่ในอันตราย
แสนหวงแหนจนใครๆต่างก็พากันแอบเรียกน้องชายของเขากันว่าเป็นเจ้าหญิงบนหอคอยทองคำ
ขนาดยองมินเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องยังทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วงขนาดนี้
อย่าให้ต้องพูดถึงพี่ชายร่วมสายเลือดอย่างคังดงโฮกับคังแดเนียลเลย
สองคนนั้นไม่กล้าจะมาหาน้องชายก่อนเข้าพิธีแต่งงานเสียด้วยซ้ำ
ก็เพราะกลัวจะห้ามใจพาน้องหนีงานแต่งกันไม่ไหว
“แต่กุกดีใจนะ...เพราะเป็นโอเมก้าไง
ถ้าไม่ใช่กุก ตระกูลเราก็ไม่มีใครช่วยเรื่องนี้ได้อีกแล้ว
รุ่นเราเล่นมีแต่อัลฟ่ากันซะหมด”
ยงกุกไม่ได้โกหก
ไม่ได้พูดมันเพื่อความสบายใจของพี่ชายหากแต่เขาคิดเช่นนั้นด้วยความสัตย์จริง
อย่างน้อยการที่เกิดเป็นโอเมก้าที่ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างอัลฟ่า
หรือเป็นคนปกติแบบเบต้า มันก็ยังพอเป็นประโยชน์ให้กับพ่อของเขาอยู่บ้าง
แม้จะมีประโยชน์แค่เพียงเพราะสามารถมีทายาทให้แก่ตระกูลควอนได้
ถึงจะน้อยนิดเช่นนั้นเขาก็ยังยินดี
“ยงกุก พร้อมรึยังลูก?”
เสียงของผู้เป็นบิดานำมาก่อนตัวเสมอ
คิมยงกุกสูดหายใจแล้วผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้ากระจก
หมุนตัวไปมาให้อิมยองมินเช็คความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันไปยิ้มให้นายใหญ่ตระกูลคังที่เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องพอดี
“พี่ไปรอที่รถนะ”
“อื้อ”
อิมยองมินหันไปโค้งให้ผู้มีศักดิ์เป็นอา
ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเพื่อปล่อยให้พ่อลูกใช้เวลาที่เหลืออีกน้อยนิดกันตามลำพัง
“ลูกลืมติดอันนี้”
มือกร้านของผู้เป็นพ่อหยิบเข็มกลัดดอกพีชขึ้นมาติดบนอกเสื้อของลูกชาย
ก่อนจะถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวเพื่อกวาดตามองลูกชายคนเล็กที่ตนเฝ้าทะนุถนอมตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา
เมื่อคิดได้ว่าต่อจากนี้ลูกจะต้องจากอ้อมอกไปเจอชีวิตครอบครัวในอีกรูปแบบที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อนก็ชวนให้ขอบตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“พ่ออย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...ไม่เอานะ
เดี๋ยวกุกร้องไห้”
ใครจะรู้ว่าคนอย่างนายใหญ่ตระกูลคังก็จะอ่อนไหวเป็น
และแน่นอนลูกชายอย่างคิมยงกุกก็ไม่ได้พยายามจะกลั้นน้ำตาของตนเอาไว้แม้แต่น้อย
บ่าแข็งแรงของคนเป็นพ่อถูกซุกซบด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์เปื้อนน้ำตาของลูกชาย
ยงกุกไม่ได้สะอึกสะอื้น หากเพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาเหล่านั้นไหลอย่างเงียบงัน
ไม่ใช่จากความเสียใจ
แต่มันรวมหลากหลายความรู้สึกซึ่งปนเปจนยากจะจำแนกได้ว่าน้ำตานั้นมาจากความรู้สึกส่วนใด
“พ่อไม่รู้จะอวยพรอะไร”
ยิ่งฝ่ามือของผู้เป็นพ่อลูบลงบนกลุ่มผมสีเข้มนุ่มนิ่ม
ยิ่งส่งให้น้ำตาเหล่านั้นพรั่งพรู
“แต่เข้มแข็งและมีความสุขนะลูก”
ยงกุกเพียงตอบรับสั้นๆและพยักหน้ากับลาดไหล่ของพ่อ
เป็นปกติของพ่อที่ไม่ค่อยจะพูดจาอ่อนโยนอะไรมากมาย
แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่พ่อทำให้ยงกุกรู้สึกว่าไม่รัก
คำอวยพรนั้นจึงเป็นคำอวยพรที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อของเขาจะให้ได้แล้ว
คิมยงกุกไม่อาจคาดเดาได้ว่าการแต่งงานกับนายใหญ่ตระกูลควอนในครั้งนี้จะพาชีวิตของเขาไปยังทิศทางไหน
แต่อย่างน้อยเขาก็แน่ใจ
เขามีอ้อมกอดของพ่อให้กลับมาหาเสมอ
.
.
.
.
พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายในโบสถ์ตามศาสนาที่สองตระกูลนับถือ
มีเพียงคนในตระกูลเท่านั้นที่ถูกเชิญมาร่วมเป็นพยานในพิธีครั้งนี้
ร่างสูงสง่าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายใหญ่คนปัจจุบันของตระกูลควอนในชุดสูทสีขาวยืนอยู่บนแท่นพิธี
ดวงตาเรียวรีสีเข้มจ้องมองตรงไปข้างหน้าด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่มีใครจับความรู้สึกได้
ไม่มีรอยยิ้มหรือประกายตายินดี
หากแต่ก็ปราศจากแววความหงุดหงิดไม่พอใจ
ทุกอย่างเรียบนิ่งไปเสียหมดจนบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากอัลฟ่าหนุ่มทำเอาคนในโบสถ์ได้แต่นิ่งเงียบทำตัวไม่ถูกไปตามๆกัน
กระทั่งในวินาทีที่ประตูโบสถ์ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ…
สิ่งแรกที่เห็นคือเด็กน้อยสองคนถือกล่องแหวานเดินนำขบวนมา
หากแต่ที่สะกดสายตาใครทั้งหมดกลับเป็นคนที่ใครๆต่างก็พากันเรียกว่า ‘เจ้าหญิงบนหอคอยทองคำ’
‘ไม่รู้มาก่อนเลยว่าสวยขนาดนี้’
‘หน้าสวยมาก
ไม่แปลกใจเลยที่ใครจะเรียกกันว่าเจ้าหญิง’
'เห็นว่าเป็นแรร์โอเมก้าด้วย...มิน่าตระกูลคังถึงได้ถนอมกันซะขนาดนั้น'
'เห็นว่าเป็นแรร์โอเมก้าด้วย...มิน่าตระกูลคังถึงได้ถนอมกันซะขนาดนั้น'
‘เหมาะสมกันจริงๆ’
เสียงซุบซิบของผู้คนไม่อาจเล็ดรอดผ่านหูของเขาไปได้
จนถึงตอนนี้ควอนฮยอนบินก็ไม่นึกแปลกใจอีกต่อไปว่าทำไมตระกูลคังถึงได้แสนรักแสนหวงลูกชายคนนี้เสียขนาดนั้น
“ฝากลูกชายของฉันด้วย
ช่วยดูแลเขาให้ดีได้สักครึ่งหนึ่งของฉันก็ยังดี”
นั่นเป็นคำพูดของนายใหญ่ตระกูลคังหลังจากเดินมาล่งตัวลูกชายให้เขากับมือ
ควอนฮยอนบินทำเพียงโค้งรับคำนั้น
ก่อนจะหันมาหาคนที่กำลังจะกลายเป็นภรรยาของเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
สีหน้าของลูกชายคนเล็กตระกูลคังเรียบนิ่งไม่ต่างจากเขา
ฮยอนบินกล้ารับรองได้เลยว่าในความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ที่นี่กำลังรู้สึกแบบเดียวกัน
ว่านี่เป็นงานแต่งที่เย็นชาที่สุดเท่าที่เคยมีมา
และบางทีความรู้สึกภายใต้แววตาเรียวรีคู่สวยตรงหน้าอาจจะมีความคิดในแบบเดียวกันกับเขา
เราทั้งคู่ต่างก็อยากให้พิธีแต่งงานแสนกลวงเปล่านี้จบลงเสียที...
T
B
C.
talk
รู้สึกไม่ได้เขียนฟิคโอเมก้ามานานมากๆ
กลับมาเขียนคราวนี้เหมือนได้เคาะสนิม ;-;
เหตุเกิดเพราะอยากอ่านฟิคบินกุกแนวโอเมก้าเวิร์สละมุนตุ้น
เรียบง่าย ไม่หวือหวา บวกกับอยากเขียนอะไรที่มันคลีเช่ๆอย่างการคลุมถุงชน
แต่งงานกันไปก็รักกันเองไรงี้ แต่จะเขียนไปทำไมหลายเรื่องให้ลำบากตัวเองอ่ะเนาะ
จับมัดรวมกันซะเลย
ก็เลยคลอดโอเมก้าเวิร์สบินกุกเรื่องนี้ออกมาค่ะ
สำหรับการคลุมถุงชนในเรื่องนี้อาจจะเรียบกว่าเรื่องอื่นๆ
อยากให้ลองนึกภาพคนสองคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกันแต่ต้องมาอยู่ด้วยกันดูค่ะ : )
เพราะฉะนั้นใครที่กำลังหวังอะไรเพราะเห็นว่าเป็นโอเมก้าเวิร์สเราก็อยากให้กำความหวังกันแน่นๆนะคะ
อย่างเพิ่งรีบโยนใส่เราเลย 5555555
เป็นอะไรที่วางพล็อตยาวนานมากจริงๆกว่าจะตัดสินใจเริ่มเขียน
ถ้าชอบยังไงก็สามารถติดแท็ก #PBITR มาบอกกันได้นะคะ : )
แล้วเจอกันแชปหน้าค่ะ
m i s s c o z y
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น