Chapter IV : Start it slow
Title : Chapter IV : Start it slow
Pairing : Hyunbin x Yongguk
Rated : PG
Genre : Omegaverse, Romantic
Has tag #PBITR
---------------------------------
บ้านเกิดของชเวจีอูหรืออดีตนายหญิงตระกูลควอนต่างจากที่คิมยงกุกจินตนาการเอาไว้ค่อนข้างมาก
เขารู้ว่าเชวจีอูไม่ได้มาจากตระกูลผู้รากมากดีอะไร
แต่ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่
ด้วยเพราะมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในแทกู
ถือว่าเป็นใหญ่ในเมืองนี้เสียด้วยซ้ำ
ทว่าทันทีที่รถยนต์ส่วนตัวของคุณควอนหยุดจอดลงหน้าบ้านไม้สีขาวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่หลังหนึ่งหลังจากที่เรานั่งผ่านเข้ามาในไร่แอปเปิ้ล
เขาก็ต้องประหลาดใจกับความเรียบง่ายตรงหน้า
ถึงอย่างนั้นก็เป็นความเรียบง่ายที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยความอบอุ่น
ซึ่งความอบอุ่นที่สัมผัสได้ก็ทำเอายงกุกเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
และถือเป็นโชคดีของควอนฮยอนบินที่เดินตามลงมาจากรถได้ทันเห็นรอยยิ้มสวยๆนั้นพอดี
เหมือนกับว่าคิมยงกุกมีพลังพิเศษอย่างไรอย่างนั้น
เพราะหากว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ตายด้านไปเสียแล้วล่ะก็
ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย...เป็นใครก็ต้องเผลอยิ้มตามเสียทุกคน
แล้วคนอย่างควอนฮยอนบินจะไปเหลืออะไร
“อ้าว มาถึงกันเร็วจังเลยลูก”
น้ำเสียงนุ่มขึ้นพร้อมๆกันร่างบอบบางของหญิงสาววัยกลางคนทว่าใบหน้ากลับดูอ่อนกว่าวัยหลายสิบปีในชุดกระโปรงสีอ่อนสบายตาสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน
ดูท่าทางเหมือนเพิ่งออกจากครัวมาหมาดๆ
คิมยงกุกถึงกับทำตัวไม่ถูกเล็กน้อยตอนที่เชวจีอูเดินปรี่เข้ามาหาเขาทั้งคู่
ทว่าก็ยังค้อมหัวแล้วเอ่ยทักทายตามมารยาทที่ถูกอบรมมาอย่างดี
“สวัสดีครับคุณนายชเว…”
“เดี๋ยวเถอะ”
นายใหญ่ตระกูลควอนจำต้องกลั้นขำอย่างถึงที่สุดเมื่อเห็นภรรยาของตนถึงกับสะดุ้งไหวตัวแข็งทื่อยามถูกแม่ของเขาเอ็ดเสียงเขียวทันทีที่เอ่ยทักคำแรก
แม่เขานี่ก็ช่างแกล้งอย่างไรก็อย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน
“คือ ผม…”
คนที่เพิ่งโดนเอ็ดไปหมาดๆเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก
เขาไม่แน่ใจนักว่าตัวเองพูดหรือทำอะไรผิดไปตรงไหน ครั้นเมื่อเงยหน้ามองคนเป็นสามี
อีกฝ่ายกลับตีหน้านิ่งเลิกคิ้วใส่เสียอย่างนั้น
วันก่อนใครกันที่บอกว่าแม่ตัวเองใจดีนะ
นี่เขาเกร็งไปหมดแล้ว
“คุณนายชเวอะไรกัน ใครใช้ให้เรียกแบบนั้น”
“เอ่อ คือผม…”
“แม่ เลิกแกล้งยงกุกได้แล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าของยงกุกที่ใกล้จะร้องไห้เข้าไปทุกทีแบบนั้น
ฮยอนบินก็จำต้องเอ่ยท้วงแม่ของตนเสียงอ่อน
“โธ่ บินนา…”
และทันทีที่สีหน้าเรียบนิ่งกับน้ำเสียงเย็นเยียบของแม่
แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะสดใส คิมยงกุกก็ถึงกับหน้าเหวอ
หันมองหน้าฮยอนบินสลับกับหน้าของแม่สามีไปมาก่อนจะตระหนักได้ว่าถูกสองแม่ลูกร่วมกันกลั่นแกล้งเข้าให้แล้ว
“ดูสิ ทำหน้าเหวอยังน่าเอ็นดูเลย”
คนที่เพิ่งตีหน้านิ่งเอ็ดเขาไปหมาดเดินเข้ามาใกล้
ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวเขาเบาๆ
ทำเอาความกังวลและความตื่นตระหนกมลายหายไปจนหมดสิ้น
คล้ายว่าจะไม่ต่างจากตอนที่ถูกควอนฮยอนบินลูบหัวเมื่อคราวนั้น...หากแต่ความรู้สึกบางอย่างกลับไม่เหมือนกัน…
และคิมยงกุกสับสนเกินกว่าจะเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร
“แต่ถ้าแม่ได้ยินว่าเรียกคุณนายชเวอีก แม่จะตีแล้วนะ
เป็นเมียบินก็เหมือนเป็นลูกแม่อีกคน ต้องเรียกแม่ถึงจะถูก เข้าใจไหมจ๊ะ?”
เชวจีอูร่ายยาวเหยียด
หากแต่ใบหน้าอ่อนกว่าวัยก็ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
คิมยงกุกจึงตอบรับกลับเสียงใส พร้อมรอยยิ้มเล็กๆเช่นกัน
“ครับ คุณแม่”
“น่ารักที่สุดเลยยงกุกอา...งั้นรีบเข้าบ้านกันเถอะ
แม่ให้คนจัดห้องให้เราเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวให้แม่บ้านเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องให้
นี่แม่อบพายไว้รอเราสองคนด้วยนะ แล้วแม่ก็เตรียม…”
และในขณะที่คุณแม่และลูกสะใภ้กำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปนั้น
ควอนฮยอนบินที่เดินตามหลังไปเงียบๆก็เฝ้ามองคนทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าไม่ต่างกัน
เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบปี…
ที่เขาเห็นแม่สดใสได้มากขนาดนี้ตั้งแต่เสียพ่อไป
เขาบอกแล้ว
คิมยงกุกน่ะต้องมีพลังพิเศษแน่ๆ
.
.
.
.
.
มื้ออาหารเย็นวันนี้ไม่เงียบเชียบอย่างทุกครั้งเมื่อมีแม่ร่วมโต๊ะด้วย
และถึงแม้ว่าควอนฮยอนบินจะรู้สึกอับอายไม่น้อยกับการที่แม่ขนอัลบั้มรูปตอนเด็กของเขาออกมาอวดยงกุกในตอนที่เรากำลังนั่งกินพายแอปเปิ้ลฝีมือแม่ด้วยกันโซฟาห้องรับแขก
แต่มันก็คุ้มอยู่เมื่อแลกมากับเสียงหัวเราะใสๆและรอยยิ้มกว้างของอีกฝ่าย
เขาจะยอมอับอายเสียหน่อยเป็นไรไป
“นี่รูปพี่บินตอนไปโรงเรียนประถมวันแรกแน่ะ
แต่ตอนนั้นยงกุกยังเพิ่งหัดพูดเองมั้งจ๊ะ”
“แม่ จะพูดเพื่ออะไรครับ”
“ความจริงทั้งนั้นนี่...ยงกุกปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ?”
นอกจากจะไม่สนใจเขาแล้ว
แม่ยังจะหันไปถามอายุของอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อจะมาจี้จุดเขาเข้าไปอีก
พอแม่เริ่มพูดเรื่องอายุที่มากขึ้นของเขาแบบนี้
คนเป็นลูกอย่างควอนฮยอนบินมีหรือจะไม่รู้ว่าแม่กำลังจะลากเข้าเรื่องอะไรต่อไป
แต่ดูเหมือนคุณภรรยาคนแสนซื่อจะไม่รู้ทันคนแก่เอาเสียเลย
“ปีนี้ผม23ครับ”
“หืม พี่บินปีหน้าก็30แล้วแน่ะ ดูไม่เหมือนเลยใช่ไหมจ๊ะ? พวกอัลฟ่าก็แบบนี้แหละ”
“แม่…”
เขาพยายามปรามคนเป็นแม่
ด้วยรู้ว่าถ้าแม่พูดเรื่องนั้นออกมาคนที่ลำบากใจที่สุดคงหนีไม่พ้นคนที่ยังนั้งยิ้มซื่อไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างยงกุกแน่ๆ
แต่ดูท่าจะไม่เป็นผล
ควอนฮยอนบินจึงทำได้เพียงถอนหายใจ
“นี่ตั้งแต่แต่งงานมายังไม่เคยไปฮันนีมูนเลยใช่ไหมจ๊ะ?”
“ครับ”
แม้จะรู้สึกแปลกๆแต่ยงกุกก็ยังตอบคำถามแม่สามีกลับด้วยรอยยิ้ม
ไม่อาจพูดออกไปได้ว่าความสัมพันธ์ของเราเพิ่งเริ่มดีขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง
ทว่าประโยคต่อมาของคุณแม่กลับทำเอาคิมยงกุกแทบสำลักน้ำเปล่าที่กำลังยกขึ้นดื่มในทันใด
“ถ้าอย่างนั้น อยู่ที่นี่ก็ตามสบายเลยนะลูก
ถือซะว่ามาซ้อมฮันนีมูนเล็กๆกัน เผื่อว่ากลับไปจะได้เจ้าตัวเล็กติดกลับไปด้วย
มีหลานให้แม่ได้อุ้มกันไวๆ”
“…”
“พี่บินก็อายุเท่านี้แล้ว
ไม่เป็นพ่อคนตอนนี้ก็ไม่รู้จะเป็นตอนไหนแล้ว ว่าไหมจ๊ะ?”
ยงกุกทำได้เพียงหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วพยายามเก็บความรู้สึกหนักอึ้งที่เริ่มก่อตัวเอาไว้ในใจอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้คุณแม่ต้องรู้สึกไม่ดี
เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยา
คุณแม่จะพูดแบบนั้นออกมาก็ไม่แปลก
คงไม่รู้ด้วยซ้ำเรื่องที่เขากับคุณควอนแยกห้องนอนกัน
ซึ่งเขาก็ไม่อยากให้ท่านต้องรับรู้เหมือนกัน...แค่เห็นว่าคุณแม่เอ่ยถึงเรื่องการจะมีหลานด้วยใบหน้าที่มีความสุขขนาดไหน
เขาก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้งในใจมากเท่านั้น
คิมยงกุกก้มหน้ากินขนม สลับกับแย้มยิ้มบ้าง
ตอบคำถามบ้างเมื่อคนเป็นแม่สามีชวนคุย
โดยไม่รู้เลยว่าทุกความกังวลที่แผ่ออกมานั้น
ฮยอนบินสัมผัสถึงมันได้ทั้งหมด
.
.
.
.
ควอนฮยอนบินกำลังนอนอ่านวรรณกรรมสืบสวนเล่มหนาอยู่บนเตียงตอนที่ยงกุกอาบน้ำแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำ
บรรยากาศการนอนร่วมห้องในคราวนี้แตกต่างจากครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง
อย่างน้อยยงกุกก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป
ไม่มีความว่างเปล่าขนาดใหญ่กางกั้นระหว่างเราอีก
หากความกังวลบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อเย็นนั้นเขาไม่อาจขจัดมันออกไปได้โดยง่าย
เรายังคงไม่ได้พูดอะไรกันนอกจากต่างคนต่างทำกิจกรรมของตัวเองเงียบๆ
อีกฝ่ายยังคงนอนพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ ส่วนเขาก็นั่งเป่าผมอยู่ปลายเตียง
ไม่มีคำพูดใดๆ หากก็ปราศจากความอึดอัดเช่นเดียวกัน
กระทั่งตอนที่เขากดปิดไดรเป่าผมแล้วนำมันไปเก็บที่
เป็นเวลาเดียวกันกับที่คนตัวสูงปิดหนังสือแล้ววางมันลงกับโต๊ะหัวเตียง
คราวนี้ฮยอนบินไม่ได้หันมาถามเขาอีกแล้วว่าปิดไฟได้ไหม ทันทีที่ล้มตัวลงนอน
มือหนาทำเพียงแค่เอื้อมไปเปิดไฟหัวเตียงสีส้มอ่อนๆเอาไว้
“นึกว่าคุณชอบนอนปิดไฟ”
“ไม่หรอก เปิดไว้ดีกว่า”
คิมยงกุกไม่ได้ถามอะไรอีก
ทำเพียงแค่นอนมองเพดานสีขาวที่ตอนนี้ถูกระบายไปด้วยแสงไฟสีส้มนวลตาเงียบๆ
ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วนั้น
เพราะควอนฮยอนบินสังเกตเห็นแสงไฟสีส้มที่ลอดออกมาจากช่องใต้ประตูของยงกุกในทุกครั้งที่เดินผ่านหน้าห้อง
ถึงได้รู้ว่าอีกคนต้องนอนเปิดไฟแบบนี้เอาไว้เสมอ
หลายนาทีที่เราทั้งคู่เอาแต่นอนมองเพดานอยู่แบบนั้น
จนในท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฮยอนบินที่เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา
“ยงกุก”
“ครับ?”
“อย่ากังวล...เรื่องที่แม่พูดเมื่อเย็นเลยนะ”
เป็นคิมยงกุกที่หันไปมองเสี้ยวหน้าของคนข้างๆก่อน
ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงไม่ละสายตาจากเพดานตรงหน้า
ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว
เขาไม่แน่ใจนักว่าพร้อมที่จะสบตากับฮยอนบินในเวลาแบบนี้หรือไม่
ยิ่งประเด็นแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่
“ไม่ว่าแม่จะพูดอะไร...แต่ฉันจะไม่ทำถ้านายไม่พร้อม
เพราะงั้นไม่ต้องกังวลหรอกนะ”
คิมยงกุกยกยิ้มบางเมื่อจบประโยคนั้น
เขาก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีคนหนึ่ง
เพียงแค่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นคนน่ารักถึงขนาดนี้
“อันที่จริง...ไม่ได้กังวลเรื่องที่คุณจะทำหรือไม่ทำหรอกครับ”
ใช่...เพราะความจริงแล้วไม่ว่าอย่างไรวันหนึ่งมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี
ฮยอนบินเป็นอัลฟ่า เขาเป็นโอเมก้า และเราก็เป็นสามีภรรยากัน
นั่นเป็นเรื่องปกติและถูกต้องยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดด้วยซ้ำ
แต่เรื่องที่น่ากังวลน่ะใหญ่กว่านั้นมาก
“ผมแค่คิดว่าลูกจะโตมาแบบไหน...ในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ได้รักกัน”
ฮยอนบินเงียบไปพักใหญ่ สองตาจดจ้องเพดานสีขาวว่างเปล่า
เขาเพียงปล่อยความคิดไปกับประโยคนั้นของคนที่นอนอยู่ข้างๆ
ในท้ายที่สุดจึงเอ่ยออกมา
“งั้นมาลองพยายามกัน”
“ครับ?”
ควอนฮยอนบินถอนหายใจ
ก่อนจะละสายตาออกจากเพดานว่างเปล่านั้นเพื่อหันมามองหน้าคนข้างๆ
“ช่วยเข้าใจง่ายๆหน่อยเถอะยงกุก...ฉันอธิบายไม่เก่ง”
“ผมเข้าใจ...แค่…”
คิมยงกุกขมวดคิ้ว
ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจว่าควอนฮยอนบินหมายถึงพยายามเรื่องอะไร
เขาเพียงแค่คิด…ว่ามันช่างแปลกประหลาด
“คุณว่าเราจะรู้สึกกันได้ง่ายๆเลยหรอ?”
“ถึงได้บอกให้ลองดู…”
“...”
“อาจจะง่ายกว่าที่คิดก็ได้”
ฮยอนบินก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม…
เพียงแค่มองดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่สะท้อนแสงไฟสีส้มอ่อนในห้องของคนข้างๆ
เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างช่างง่ายดาย…
ไม่ยากเลยสักนิดกับการจะตกหลุมรักคนอย่างคิมยงกุก
“ครับ...งั้นลองพยายามกัน”
บางที...เขาเองก็อาจจะยืนหมิ่นเหม่อยู่บนปากหลุมนั้น
แล้วรอเวลาให้ตัวเองร่วงหล่นอย่างสมบูรณ์แบบก็เป็นได้…
“งั้นนี่ก็สำหรับการเริ่มต้นที่ดี”
เสียงทุ้มเอ่ยพลางหงายมือวางลงบนพื้นที่ว่างบนที่นอนระหว่างเราทั้งคู่
และคิมยงกุกเองก็ไม่ได้ลังเลที่จะวางฝ่ามือนุ่มของตนทาบทับลงไป
มันอาจเป็นเริ่มต้นที่แสนเรียบง่าย
และเราทั้งคู่ก็ไม่มีใครมั่นใจได้ว่าความพยายามครั้งนี้จะให้ผลในทางไหน
แต่อย่างน้อยคืนนี้…
เราก็ไม่ได้นอนหันหลังให้กันอีกแล้ว
T
B
C.
เป็นยังไงล้า
ฟิคโอเมก้าอย่างเลาก็มีฉากบนเตียงกับชาวบ้านเค้าเหมือนกันนะ5555555555
ครืออออ จริงๆตั้งใจจะอัพตั้งแต่มะวาน
แต่มีปัญหานิดโหน่ยทำให้ยังกดพับบลิคไม่ได้ค่ะ ซอรี่คนที่รอกันตั้งแต่เมื่อวานจริงๆ
อนุญาตให้ดีดเหม่งได้หนึ่งที ;-;
แต่แบบ โห นี่ก็ว่ามาเร็วสุดๆแล้วนาาาา
ไม่เคยอัพฟิคบรรยายถี่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ด้วยรักล้วนๆเลยนะ(´ε` )♡
และเช่นเคยค่ะ ตามธรรมเนียมของเรา
ขอบคุณสำหรับฟีดแบคในตอนที่ผ่านๆมา
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ทำให้เรากลับมาสดใสเร็วกว่าที่คิด รักเหมินเดิมน้า (♡´౪`♡)
เจอกันตอนหน้าที่ยังคงอยู่ในแทกูไม่ไปไหนง่ายๆค่ะ
ยังคงพูดคุยกันได้ที่เก่าที่เดิมที่ #PBITR เน้อ
เริ้บ
m i s s c o z y
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น