Chapter X : By your side
Title : Chapter X ‘By your side’
Pairing : Hyunbin x Yongguk
Rated : PG
Genre : Omegaverse, Romantic, Domestic
*รายละเอียดเล่มมาแล้วนะคะ : ) >>>Click
>>สารบัญ<<
------------------------------------------
ปลายฤดูใบไม้ร่วงอุณหภูมิเริ่มต่ำลงหลายองศา
ทว่าดอกแมกโนเลียในสวนตระกูลควอนก็ยังคงส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งสวนแม้กลีบดอกจะบางตา
ยงกุกนึกเสียดายที่ไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นดอกไม้สีหวานนี้แข่งกันชูช่อสวยงามเต็มต้นเป็นแน่
เขาแทบเฝ้ารอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิครั้งต่อไปไม่ไหว
ถ้าได้นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นแมกโนเลียกับฮยอนบินก็คงจะดีไม่น้อย
อา...ไม่ทันไรก็นึกถึงเขาขึ้นมาอีกเสียแล้ว…
ทันใดนั้นคิมยงกุกก็รู้สึกเหมือนว่าอุณหภูมิบนใบหน้าจะเริ่มขึ้นสูงอีกแล้วเมื่อนึกถึงทั้งการกระทำ
คำพูด และสายตาของคนร่วมห้องกันในหลายวันที่ผ่านมา
ยิ่งเหตุการณ์เมื่อเช้าที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆอย่างการที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ก้มลงหอมแก้มกันฟอดใหญ่หลังจากที่เขาผูกเนคไทให้เสร็จเรียบร้อยโดยไม่ได้สนใจว่าบริเวณนั้นจะมีแม่บ้านยืนอยู่
ยิ่งนึกใบหน้าก็ยิ่งมีแต่จะร้อนขึ้นจนต้องยกมือขึ้นตบแก้มตัวเองเบาๆ
พลางได้แต่บอกตัวเองในใจว่าคงต้องทำใจให้ชินกับนายใหญ่ตระกูลควอนในโหมดนี้เสีย
ถึงจะรู้ว่าอย่างไรมันก็ต้องไปไกลมากกว่านี้เป็นแน่
แต่ยงกุกก็ยังเป็นคนหนึ่งที่มีความรู้สึกเขินอายเป็นและใช่ว่าจะด้านชากับเรื่องพวกนี้เสียเมื่อไหร่
ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ
เพราะโตมาจนอายุเท่านี้ก็ยังไม่เคยออกเดตเลยแม้แต่ครั้งเดียว
และจูบนั่น...ก็จูบแรกเสียด้วย
จะไม่ให้รู้สึกอะไรได้ยังไงในเมื่อก้อนเนื้อเท่ากำปั้นในอกข้างซ้ายยังคงเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับมนุษย์ทั่วๆไป
“คุณยงกุกคะ”
คิมยงกุกหลุดจากความคิดยุ่งเหยิงก่อนใบหน้ามนจะผละจากภาพสวนตรงหน้าต่างไปมองตามเสียงเรียกจากป้าโซราที่เดินเข้ามาหากันถึงในห้องหนังสือ
“ครับป้าโซรา?”
“คุณมินฮยอนมาแล้วค่ะ”
ยงกุกพยักหน้ารับรู้พร้อมมุมปากแต้มยิ้มยามบอกป้าโซราว่าเขาจะลงไปเดี๋ยวนี้
เดี๋ยวนี้ฮวังมินฮยอนแวะมาบ่อย ทั้งเอาขนมที่ร้านตัวเองมาให้
บางครั้งก็แวะมาหาหลังจากไปรับซอนโฮมาจากโรงเรียนอนุบาล มาสอนทำขนมบ้าง
ให้ช่วยชิมขนมสูตรใหม่ๆบ้าง
ได้พูดคุยสัพเพเหระกันหลายๆอย่าง
ถึงได้ไม่เหงาเหมือนตอนแต่งงานเข้ามาแรกๆแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าวันนี้หลานชายคนโปรดของยงกุกจะไม่ได้มาด้วย
เดาว่าวันนี้ซองอูคงเป็นฝ่ายไปรับเจ้าตัวเล็กแทน
“ยงกุกอา วันนี้ฉันเอาชูเฟล่จากที่ร้านมาให้ด้วยนะ”
“ขอบคุณครับ คุณมินฮยอนเอาขนมมาให้ตลอดเลย ผมเกรงใจจะตายอยู่แล้ว”
“แลกกับที่ยงกุกช่วยฉันชิมขนมบ่อยๆไง”
มินฮยอนว่าพร้อมรอยยิ้มสดใส
ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆน้องสะใภ้บนโซฟารับแขก
หลังจากที่แม่บ้านเดินมารับขนมเพื่อไปจัดใส่จาน
ยงกุกมองใบหน้าอ่อนวัยของอีกฝ่ายพลางคิดในในว่าฮวังมินฮยอนอายุมากกว่าเขาถึงแปดปีจริงหรือ?
“เอ้อจริงสิ มะรืนนี้ว่างหรือเปล่า ที่ร้านจะมีปาร์ตี้เล็กๆครบรอบวันเปิดร้านน่ะ
ฉันอยากให้ยงกุกไปด้วย”
“ว่างอยู่แล้วครับ แต่เดี๋ยวต้องบอกพี่บินก่อน”
“อ๋า...เดี๋ยวนี่เริ่มชินปากแล้วสิเนี่ย”
“อย่าแซวสิครับ”
ฮวังมินฮยอนหัวเราะร่า
หลายวันมันนี้ได้มากินข้าวเย็นบ้านตระกูลควอนอยู่บ่อยๆ
เขาเริ่มรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปมากมายระหว่างสามีภรรยาคู่นี้
แน่นอนว่าเป็นไปในความหมายที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ใช่เพียงแต่สรรพนามที่แปลกไปในเชิงสนิทสนมมากขึ้นจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนที่ไม่เคยคบหากันก่อนแต่งงานมาก่อน
ความเข้ากันดีอย่างเหมาะเจาะราวกับใครบางคนจงใจสรรค์สร้าง
ทำเอาเขาอดคิดไม่ได้...
ว่าแท้จริงแล้วนั้น
ทั้งสองคนอาจจะเป็นคู่แท้ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิดก็เป็นได้...
พอเอาไปพูดกับพี่ซองอู อีกฝ่ายก็เอาแต่หัวเราะร่วนน่าโมโห
เขาถึงได้แต่ปัดประเด็นนี้ให้ตกไปอยู่หลายครั้ง
จะใช่คู่กันหรือไม่...ก็คงมีแค่ฮยอนบินกับยงกุกเท่านั้นแหละที่จะรู้สึกถึงมันได้
“จริงสิครับ...เมื่อวานที่คุณมินฮยอนโทรมา
บอกว่าวันนี้มีเรื่องอยากคุยด้วย...เรื่องอะไรหรอครับ?”
“อ๋า...จริงด้วย...”
สิ้นคำถามนั้น
ใบหน้าหมดจดของคนถูกถามก็ปรากฏแววหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
ทำเอายงกุกรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วย
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก
แค่...ช่วงนี้คุยกับยงกุกบ่อยๆล่ะมั้ง...ถึงอยากระบายให้ฟัง จะไม่รบกวนเกินไปใช่ไหม?”
รอยยิ้มสดใสก่อนหน้าถูกเปลี่ยนเป็นยิ้มบางเบาเจือความกังวล
“ไม่เลยครับ คุณมินฮยอนระบายมาได้เต็มที่เลย”
ฮวังมินฮยอนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฮยอนบินถึงได้ชอบพอยงกุกได้อย่างง่ายดาย
ทั้งที่เขาคิดว่าเจ้าน้องชายอาจจะความรู้สึกตายด้านไปเสียแล้วด้วยซ้ำ เพราะไม่เห็นว่าจะเดตกับใครมาตั้งหกเจ็ดปีแล้ว
ด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มจริงใจ
รวมไปถึงสายตาอบอุ่นชวนให้สบายใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ทั้งหมดนั่นราวกับอีกฝ่ายมีเวทย์มนต์อย่างไรอย่างนั้น
กับคนที่อยู่กิน ใช้ชีวิตประจำวันด้วยกัน
กลับบ้านมาเหนื่อยๆก็ได้เห็นหน้ากัน
ถ้าจะไม่รู้สึกอะไรต่อกันก็เห็นจะไร้หัวใจเกินไปหน่อยแล้ว
“ขอบคุณนะ...ดีจังเลยที่เป็นยงกุก”
ประโยคขอบคุณนั้นเต็มไปด้วยความหมายมากมาย
และฮวังมินฮยอนก็ขอยืนยันอีกคน…
คิมยงกุกคือความโชคดีไม่กี่อย่างในชีวิตของฮยอนบินจริงๆ
.
.
.
.
คุณมินฮยอนกลับไปหลังจากได้ระบายความอึดอัดเล็กๆกับยงกุก
จนเหมือนว่าอีกฝ่ายจะสบายใจขึ้นแล้ว ซึ่งพลอยให้ยงกุกสบายใจไปด้วย
เป็นแบบนี้เสมอ
เขามักจะรู้สึกไม่ดีไปด้วยหากคนรอบตัวแสดงความไม่สบายใจออกมา
เพราะอย่างนั้นจึงคิดแค่ว่า หากจะมีอะไรที่ทำให้คนเหล่านั้นสบายใจขึ้น
เขาก็ยินดีเสมอ
แต่ทว่าวันนี้จะประหลาดดีเหลือเกิน
เพราะดูคล้ายจะมีคนไม่สบายใจมาให้ช่วยถึงสองคนเลยทีเดียว
“มานั่งตากลมอะไรตรงนี้ หือ?”
เสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยเอ่ยทัก
ก่อนเจ้าของเสียงจะหย่อนตัวนั่งลงบนม้านั่งข้างสระบัวของสวนหลังบ้าน
ที่ยงกุกมานั่งเล่นอยู่ก่อนแล้ว ทำเอาคนถูกทักหันมองตาใสระคนแปลกใจ
ด้วยว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาเลิกงานของอีกฝ่าย
“กลับเร็วจังครับ”
“คิดถึงยงกุก”
น่าแปลก…
โดยปกติแล้วยงกุกมักจะใจเต้นระส่ำสั่นไปกับถ้อยคำแบบนั้นของคนเป็นสามีที่มักจะพูดโพล่งอะไรแบบนี้ขึ้นมาอยู่บ่อยๆหลังจากสารภาพว่าชอบกันในวันนั้น
ด้วยเพราะไม่ใช่คนคำพูดเยอะอะไร
ทุกคำพูดถึงได้ตรงไปตรงมาจนทำเขาขัดเขินกับคำพูดเหล่านั้นอยู่เรื่อย
ทว่าเมื่อครู่...คำว่าคิดถึงของอีกฝ่ายดูจะปะปนไปด้วยความอ่อนล้าเจือจางในน้ำเสียงและแววตาอย่างที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย…
“เรื่องคุณอาเหรอครับ?”
ควอนฮยอนบินผุดยิ้ม
ยงกุกของเขาทั้งน่ารักและฉลาดเฉลียวเกินใครอย่างที่คุณคังบอกจริงๆนั่นแหละ
และแน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดปิดบังอะไรอีกฝ่ายหรือหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยประเด็นที่ค่อนข้างจะรบเร้าจิตใจของเขาอย่างประเด็นนี้อีกต่อไปหลังจากที่เคยพูดคุยไปแล้วครั้งหนึ่ง
ตอนนี้คิมยงกุกคือครอบครัวของเขาแล้ว
เป็นคนที่เขาอยากให้เข้าใจกันมากกว่าใครอื่น…
“วันนี้...พี่ซองอูเพิ่งเข้ามาหาที่บริษัท บอกว่าอีกไม่นานก็จะใกล้ความจริงแล้วล่ะ”
“แล้วทำไมพี่ถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”
คนเป็นพี่ถอนหายใจยาว...รอยยิ้มนั้นดูอย่างไรก็ขมขื่นเต็มที
ดวงตาคู่คมเหม่องมองผืนน้ำนิ่งสงบในสระบัวข้างหน้า
ราวกับว่ามันจะช่วยให้ใจที่แสนแกว่งไกวของเขามั่นคงขึ้นมาบ้าง
“เพราะจนถึงตอนนี้...พี่ก็ยังไม่อยากให้มันเป็นความจริง”
นายใหญ่ตระกูลควอนในตอนนี้ดูอ่อนแอจนใครมาได้เห็นก็คงไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกับที่แข็งกร้าวและเข้มงวดกับลูกน้องอย่างที่ใครก็รู้กันเป็นแน่
และหากเลือกได้ควอนฮยอนบินก็คงไม่อยากทำกับอาแบบนี้
เขาไม่เคยคิดอยากห้ำหั่นคนในครอบครัวด้วยกันเอง
โดยเฉพาะอายองดึกที่เขาเคยเคารพนับถือมากพอๆกับพ่อ
แต่เขาก็ไม่อาจให้พ่อตายเปล่าและปล่อยให้คนผิดยังลอยหน้าได้อยู่เช่นกัน…
“พี่รู้สึกเหมือนว่าจริงๆแล้ว...ตัวเองก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย”
ยงกุกแย้มยิ้ม ตาคู่สวยเหลือบมองกลีบดอกแม็กโนเลียที่ร่วงหลุดจากกิ่ง...โรยตัวลงอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งตามแรงโน้มถ่วงและแตะสู่พื้นหญ้าในที่สุด…
“ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ ไม่มีใครเข้มแข็งได้ตลอดเวลาหรอกจริงมั้ย?”
แม้เริ่มแรกเราอาจจะไม่ได้แต่งงานกันเพราะรักกัน...หรือต่อให้เหตุผลที่แต่งงานกันมันจะแฝงไปด้วยอะไรก็ตาม
แต่ท้ายที่สุดแล้ว… ความจริงคือเราอยู่ตรงนี้ก็เพื่อกันและกัน
เพราะฉะนั้นคิมยงกุกจึงไม่ลังเลที่จะเอื้อมมือไปกอบกุมมือคนข้างๆเอาไว้
เรียกให้คนเป็นสามีหันกลับมามองหน้ากัน
“อ่อนแอบ้างก็ได้นะครับ...พี่ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนี่นา”
พร้อมถ้อยคำและรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าอย่างน้อย…
“ผ่านมันไปด้วยกันเถอะนะครับ”
ควอนฮยอนบินก็จะไม่อ่อนแอเพียงลำพัง
.
.
.
.
และแม้เรื่องของเราอาจไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก
แม้คิมยงกุกจะไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี้ทันได้เห็นดอกแม็กโนเลียบานสะพรั่งเต็มต้นในฤดูใบไม้ผลิ
แต่เขาไม่นึกเสียดายอีกแล้ว
เพราะอย่างไรเราก็แค่เฝ้ารอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง
แค่รอเวลาของมัน...
เมื่อนั้นมันก็จะสวยงามที่สุดอย่างที่ควรจะเป็น
T
B
C.
คิดว่าคงชัดเจนในระดับหนึ่งแล้วเนาะ สำหรับเรื่องปัญหาของฮยอนบินและเรื่องสำคัญที่เอ่ยถึงมาตลอด
แต่ยังไงก็ไม่ต้องผ่านมันไปคนเดียวแล้วนะพี่บิน : )
รายละเอียดเล่มมาแล้วน้าาา เข้าไปดูกันก่อนได้นาคับบบ >>Click<<
แล้วก็ อยากบอกว่าอย่ากลัวดราม่ากันเลยน้า ทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล้วนแล้วแต่ทำให้ตัวละครเติบโตไม่ทางใดก็ทางนึง
ไม่อยากให้กังวล แต่อยากให้ผ่านไปด้วยกันแบบที่น้องบอกเนอะ ♡´・ᴗ・`♡
สุดท้ายของวันนี้ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันเสมอมาค่ะ ชื่นใจทุกครั้งที่เข้าไปส่องแท็ก
หรือได้อ่านคอมเม้นต์ อบอุ่นทุกครั้งที่เมนชั่นมาคุยกัน ขอบคุณมากๆเลยนะคะสำหรับความรักที่มีให้กับฟิคเรื่องนี้
: )
คุยกันได้ที่เดิมที่ #PBITR นะคะ
คุยกันได้ที่เดิมที่ #PBITR นะคะ
เริ้บเสมอ
M I
s s c o z y
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น