Chapter IX : Piece of us




Title : Chapter IX ‘Piece of us’
Pairing : Hyunbin x Yongguk
Rated : PG
Genre : Omegaverse, Romantic, Domestic
Note : ใครไม่อยากพลาดกิจกรรมดีๆ อย่าลืมอ่านทอล์คนะคะ : )

-----------------------------------------------------------




เวลาสามวันผ่านไปไวจนน่าใจหาย เผลอแวบเดียวเช้าวันจันทร์ก็เวียนมาถึง

แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาสุดสัปดาห์ที่วิเศษสำหรับยงกุก

ควอนฮยอนบินเข้ากันได้ดีกับพ่อของเขาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นพี่ดงโฮและพี่ยองมิน ดูได้จากการที่เมื่อวานเย็นยงกุกเห็นว่าทั้งสี่คนนั้นนั่งดื่มเบียร์พูดคุยกันเสียน่าสนุกอยู่ที่สวนหลังบ้าน

ส่วนคังแดเนียลนั้น

แม้จะดูเหมือนเด็กที่สุด งอแงที่สุด ขี้หวงที่สุด

หากก็ไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยาก

เพียงแค่คังดงโฮเอ่ยปาก น้องชายคนรองก็พร้อมจะเข้าใจ แม้จะยังมีบ้างที่ชอบเขม่นคุณควอนในบางครั้งก็ตามที

พวกเราก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

ถึงได้ไม่เคยทะเลาะกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ไว้พี่จะแวะไปหานะ

ครับ

ฝ่ามือใหญ่ของพี่ชายคนโตวางทาบลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มของน้องชายโอเมก้า

แววตาที่เคยดุดันยามอยู่ต่อหน้าลูกน้อง บัดนี้ทอดแสงอ่อนลง มีเพียงความรักและความห่วงใยที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

คังดงโฮมองเลยไปยังน้องเขยซึ่งยืนห่างออกไปอยู่ข้างๆรถยนต์สีขาวที่ค้อมหัวให้เขา ใบหน้าคมก็ขยับพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ ก่อนที่เสียงใสของน้อยชายจะดึงสายตาของเขาให้กลับมามองเจ้าตัวอีกครั้ง


พี่ดงโฮ

หืม?”

ช่วงนี้พ่อไม่ค่อยสบายหรอ?”

ยงกุกสังเกตเห็นหลายครั้งตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ถึงจะไม่ได้คุยกับพ่อบ่อยนัก แต่บางครั้งเขามักจะเห็นพ่อไออยู่บ่อยๆ บางครั้งก็ดูอ่อนแรง ครั้นเมื่อคิดจะเอ่ยปากถามก็หาโอกาสไม่ได้เสียที แถมวันนี้พ่อยังออกจากบ้านไปแต่เช้าตรู่อีกต่างหาก

อ่า ก็นิดหน่อยน่ะ เราไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คุณลุงน่ะแข็งแรงจะตายไป

อิมยองมินที่เห็นดงโฮชะงักไปก็กลัวว่าน้องจะยิ่งซักไซ้ จึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ยงกุกถึงได้พยักหน้ารับรู้ในที่สุด แม้ว่าบนใบหน้าจะยังฉายชัดถึงความเป็นห่วงมากแค่ไหน

นั่นยิ่งทำให้พี่ชายทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงนี้รู้สึกปวดหนึบไปทั้งใจ

พวกพี่ดูแลพ่อกันเต็มที่อยู่แล้ว เราน่ะดูแลตัวเองดีๆก็พอ

ครับ

สิ้นคำตอบรับพร้อมรอยยิ้มบางเบาของน้องเล็กตระกูคัง พี่ชายคนรองอย่างแดเนียลก็เดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมถุงกระดาษในมือที่ยื่นส่งให้น้องชายทันทีที่เดินมาถึง ทำเอายงกุกเลิกคิ้วประหลาดใจ

อะไรครับ?”

ยา

สิ้นคำตอบสั้นกระชับ น้องคนสุดท้องก็ทอดเสียงอ่อน

พี่แดน...กุกบอกแล้วไงว่า---

ก็เอาไว้เถอะ เผื่อเราเปลี่ยนใจ

ประโยคนั้นทำคังดงโฮและอิมยองมินอดส่ายหน้าระอาไม่ได้

นึกไปถึงหัวข้อที่เราสี่พี่น้องนั่งคุยกันเมื่อวาน

เรื่องสำคัญของโอเมก้าแบบยงกุก

อาการฮีท ที่กำลังจะมาถึงในอีกสามเดือนตามช่วงเวลาของโอเมก้า

โดยปกติแล้วน้องชายของเขาจะกินยาระงับอาการฮีทมาตลอดตั้งแต่เริ่มฮีทครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน ตามปกติแบบที่โอเมก้าคนอื่นๆกินกัน เพราะการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ไปไกลกว่ายุคก่อนมาก ทำให้การกินยาของโอเมก้าที่ยังไม่ได้ผูกพันธะกับอัลฟ่าคนไหนจึงถือว่าปลอดภัยที่สุด

ความที่เกิดมาเป็นแรร์โอเมก้า ช่วงฮีทของยงกุกจึงมีแค่ปีละครั้งเท่านั้น ต่างไปกับโอเมก้าคนอื่นๆที่จะฮีททุกๆสามเดือน

และเป็นที่รู้กันถ้วนทั่วว่าถูกตระกูลคังเลี้ยงอย่างหวงแหนทะนุถนอมมากเพียงใด

ใครๆต่างก็รู้กันดีว่าหากคิดแม้แต่จะทำให้เจ้าหญิงบนหอคอยทองคำต้องแปดเปื้อน คนของตระกูลคังก็คงไม่เก็บเอาไว้ให้รกโลกเช่นกัน รวมไปถึงการป้องกันอย่างแน่นหนาในทุกๆครั้งไม่ว่ายงกุกจะไปที่ไหน ที่ผ่านมาถึงไม่มีใครหน้าไหนได้เชยชมความงามของดอกพีชดอกนี้แม้แต่คนเดียว

ก่อนหน้าที่จะแต่งงาน คิมยงกุกไม่เคยคิดกังวลเรื่องอาการฮีทของตัวเองมาก่อน เขารู้ดีตลอดมาว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร ไม่มีเหตุผลต้องใช้ยาระงับอาการฮีทอีกต่อไป

และเขาก็ยืนยันหนักแน่นกับพี่ชายทั้งสามว่าถ้าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ อย่าได้กังวลว่าเขาจะไม่เต็มใจ

แต่ดูเหมือนคนหนึ่งที่จะมีปัญหากว่าใครก็คังแดเนียลนั่นล่ะ

ถุงยาที่ถูกจับยัดใส่มือเขานั้นบอกได้ดีว่าพี่ชายคนนี้ขี้กังวลแค่ไหน

หากยงกุกก็จำต้องรับถุงกระดาษมาไว้กับตัวอย่างเสียไม่ได้เพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย

ก่อนจะกอดลาพี่ชายทั้งสามแล้วเดินไปหาควอนฮยอนบินที่ยืนรออยู่ที่รถเสียที

ฉันวางห้าแสนวอน

อิมยองมินเป็นฝ่ายว่าขึ้นก่อนเมื่อรถยนต์ของตระกูควอนเคลื่อนตัวออกไปจากบ้าน

ยังไงยงกุกก็ไม่กินยา

วางห้าแสนเหมือนกัน ข้างเดียวกับยองมิน

ดงโฮก็สำทับขึ้นมาอีกคน

อะไรวะ นี่โดนคุณควอนอะไรนั่นซื้อไปหมดแล้วหรือไง

เป็นคังแดเนียลที่ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่ฝ่ายเดียวท่ามกลางเสียงหัวเราะของชายหนุ่มอีกสองคน ก่อนจะบ่นเสียงแผ่วอย่างอ่อนแรง


ก็แค่ยังไม่อยากถูกเรียกว่าลุงนี่หว่า...

ทำใจเถอะแดเนียล

อิมยองมินพูดเสียงเนิบเคล้ารอยยิ้มบาง


ยังไงสองคนนั้นก็ต้องผูกพันธะกันอยู่ดี


.
.
.



หลังจากกลับมาจากบ้านพ่อได้เกือบสองอาทิตย์ เขาก็เห็นคุณควอนใช้เวลาหลังอาหารเย็นในห้องทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งช่วงนี้องซองอูยังแวะมาหาอยู่หลายครั้ง

พูดคุยกันในเรื่องที่ยงกุกก็เพิ่งได้มีส่วนร่วมรับรู้เมื่อไม่นานมานี้ จากปากของคนเป็นสามี

ถึงได้เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงดูเหนื่อยล้ามากขนาดนี้

ทั้งเรื่องบริษัท ทั้งเรื่องที่กำลังร่วมกันจัดการกับคุณซองอู

ถึงจะเป็นคนเข้มแข็งมากเพียงใด แต่การแบกเรื่องทั้งหมดนั้นเอาไว้ก็ดูจะหนักหนาเหลือเกินสำหรับคนคนหนึ่ง

ยงกุกเป็นห่วงอยู่เสมอ จึงพยายามดูแลให้มากเท่าที่ทำได้

ต่อให้อีกฝ่ายบอกให้เขาเข้านอนก่อนในทุกวัน

ทว่าเขาก็ไม่เคยหลับได้อย่างสนิทใจหากไม่รับรู้ถึงกลิ่นฝนอ่อนจางและแรงยวบของพื้นที่เตียงข้างตัว

บางคืนเขาก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากกายของคนที่ขยับเข้ามานอนชิดกัน...รู้สึกได้ถึงวงแขนที่พาดเข้ากับช่วงเอวราวกับจะกักกอดกันเอาไว้หลวมๆ

หากน่าประหลาด

ที่เขากลับหลับลงได้อย่างคลายกังวลหลังจากรับรู้ถึงอ้อมกอดนั้น...กอดที่ไม่ใช้จากความละเมอเผลอไผล

หรือบางที...อาจจะไม่ใช่ความเผลอไผลมานานแล้วก็ได้


คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่เขาคิดว่าฮยอนบินคงจะอยู่ทำงานจนดึกดื่นอีกเช่นเคย

ยงกุกจึงตัดสินใจว่าจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมวางงานแล้วเข้านอน

ปลายนิ้วเล็กไล่ไปตามขอบสันหนังสือที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบบนชั้นไม้ในห้องหนังสือที่เขามักจะเข้ามาใช้เวลาอยู่ในนี้บ่อยๆ คิดจะหาวรรณกรรมสักเรื่องไปนั่งอ่านเงียบๆเป็นเพื่อนคนบ้างานเสียหน่อย

จดจ่อจนไม่รู้ว่าใครอีกคนเปิดประตูเข้ามา

ใครอีกคนที่กำลังยืนกอดอกพิงผนังมองท่าทางตั้งอกตั้งใจของคนเป็นภรรยาด้วยรอยยิ้มบางประดับมุมปาก

ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้แผ่นหลังบอบบางนั้นด้วยความเงียบเชียบ เว้นระยะห่างเพียงหนึ่งฝ่ามือ พลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหูเล็ก หวังจะกระซิบแกล้งให้อีกฝ่ายตกใจยามหันมาเจอ

ให้ช่วยแนะนำหนังสือไหม?”

ทว่าปฏิกริยาตอบรับของคนอ่อนกว่ากลับฉับพลันกว่าที่คิด

ใบหน้าสวยหันขวับทันทีด้วยอารามตกใจ ทำปลายจมูกของเราทั้งคู่เฉียดแตะกัน คนอายุน้อยกว่าถึงกับผงะถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ

เล่นอะไรครับคุณควอน ตกใจหมด

ขอโทษที ไม่นึกว่าจะตกใจขนาดนั้น

 เสียงทุ้มว่าพลางแย้มยิ้ม ที่คนมองดูยังไงก็รู้ว่าตนถูกแกล้งเข้าให้แล้ว

ดูสิ ตกใจจนหน้าแดงหมดเลย

สิ้นคำนั้นคนถูกแกล้งก็ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ ท่าทีเลิ่กลั่กเหมือนพยายามจะหาเรื่องอื่นมาพูดยิ่งทำให้รู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูซ้ำแล้วซ้ำอีก

ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่ที่บ้านตระกูลคัง มันเหมือนช่วงเวลาที่เขาได้คิดอะไรหลายอย่าง

ได้เห็นยงกุกในด้านที่อีกฝ่ายไม่เคยแสดงให้เขาเห็น ยามริมฝีปากบางเอ่ยเรียกพี่ชายด้วยถ้อยคำสนิทสนม มันทำเขาอดรู้สึกอิจฉาลึกๆไม่ได้ ด้วยเพราะแต่งงานกันมาก็จะล่วงเข้าเดือนที่สามแล้ว สรรพนามที่ใช้เรียกกันก็ยังคงฟังดูห่างเหินเกินกว่าที่สามีภรรยาจะใช้พูดคุยกัน

ให้ว่ากันตามตรงก็คือ

เขาอยากได้ยินเสียงหวานๆนั่นเอ่ยเรียกกันว่าพี่อย่างที่สมควรจะเรียกนั่นล่ะ

คงชุ่มชื่นหัวใจน่าดูทีเดียว

ทั้งเขายังได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อตาบ่อยครั้ง

คล้ายว่าอีกฝ่ายดูออกอย่างง่ายดาย ถึงความรู้สึกที่เขามีต่อลูกชาย และรู้ด้วยว่าลูกชายตัวเองคิดอะไร ถึงได้ฝากประโยคนึงเอาไว้ให้เขาคิด

เรื่องบางเรื่อง ลูกพ่อก็เข้าใจยากนะ รู้สึกอะไรยังไงก็บอกกันออกไปตรงๆเถอะ

ไม่ใช่ว่าไม่คิดจะบอกออกไปตรงๆถึงความรู้สึกที่มี

หากแค่เพียงแค่รอจังหวะที่เหมาะสม

ซึ่งบางที

บางทีอาจจะเป็นจังหวะนี้ก็ได้..

แล้ววันนี้ไม่ทำงานหรอครับ?”

ก็ต้องพักกันบ้างไหม ใจคอจะให้ทำงานอย่างเดียวเลยหรอยงกุกอา

พักก็ดีแล้วครับ เอาแต่ทำงานจนผมกลัวว่าคุณจะป่วยไปจริงๆ เมื่อก่อนบ้างานแบบนี้หรือเปล่าครับเนี่ย?”

เมื่อก่อนบ้างานเพราะไม่อยากเหงาต่างหาก เดี๋ยวนี้ชักจะอยากลาออกจริงๆแล้ว

“ทำไมล่ะครับ? ไม่ชอบชีวิตก่อนแต่งงานหรอ เห็นใครๆก็บอกว่าหลังแต่งงานแล้วเหมือนติดคุกกันทั้งนั้น”

ยงกุกย้อนถามเสียงกลั้วหัวเราะ เมื่อนึกไปถึงเหตุผลที่พวกพี่ชายไม่ยอมแต่งงานกันเสียที เพราะกลัวว่าจะต้องเสียอิสระที่ที่หวงกันนักหนาไป

เมื่อก่อนมันก็ดี...แต่มีเราแล้วมันดีกว่า

ก่อนจะต้องหยุดชะงักไปเพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำและสายตาของคนตรงหน้า

เมื่ออยู่ดีๆก็รู้สึกว่าเพียงแค่อีกฝ่ายจ้องมองกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายบางอย่างที่เขาไม่กล้าคาดเดานั้น

หัวใจก็พลันสั่นไหวรุนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ควอนฮยอนบินก้มมองสบดวงตาที่แฝงแววสั่นไหวระคนสับสนของคนตรงหน้า

มุมปากยกยิ้มพลางขยับเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม มือหนาเอื้อมไปคว้ามือบอบบางของคนเป็นภรรยามาจับไว้ ก่อนจะไล้หัวแม่มือกับแหวนทองคำขาวบนนิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายไปมาเบาๆ

ยงกุกไม่รู้จริงๆหรอ...ว่าพี่กำลังจะบอกอะไร?”

ถือวิสาสะเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเสร็จสรรพอย่างไม่คิดจะรีรอให้อีกฝ่ายเรียกกันอีกต่อไป เล่นเอาหัวใจคนฟังกระตุกหวิวด้วยความไม่คุ้นชินที่จู่ๆฮยอนบินก็เรียกแทนตัวเองขึ้นมาแบบนั้น

ไม่พอเท่านั้นคนเป็นสามียังใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นแตะสัมผัสลงบนพวงแก้มใสพลางเกลี่ยไล้แผ่วเบา เปิดเผยความรู้สึกจากก้นบึ้งผ่านแววตาคู่คม เพียงหวังว่ายงกุกจะรับรู้มันเสียที

“คือผม...ผมไม่---

ทว่าไม่ทันได้สิ้นประโยค...

 ริมฝีปากที่เคยถูกจดจ้องก่อนหน้านั้นก็ถูกช่วงชิง

ลมหายใจอุ่นร้อน...ริมฝีปากอ่อนนุ่ม และกลิ่นฝนจางๆเป็นสิ่งเดียวที่คิมยงกุกรับรู้ผ่านสัมผัสที่แตะลงมา

ราวหยาดฝนพากันตกต้องลงบนกลีบดอกไม้พาให้กลีบบอบบางไหวระริก

ไม่ต่างจากหัวใจดวงน้อยที่เต้นระส่ำสั่น เสียการควบคุมคล้ายกับว่ามันไม่ใช่หัวใจของเขาอีกต่อไป

สัมผัสนั้นคงอยู่เพียงชั่วครูและผละออก...

พี่ชอบยงกุก...

เพียงเพื่อกระซิบถ้อยคำสั้นๆ

ชอบมากจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

ริมฝีปากของคนที่เรียกแทนตนว่าพี่เอ่ยกระซิบย้ำชัดชิดกลีบปากบางนุ่มนิ่มอีกครา

ถ้อยคำกระซิบนั้นแสนแผ่วเบา ทว่าหนักแน่นในความรู้สึก

ราวกับต้องการย้ำชัดให้สลักลึก...

และสั่นสะเทือนไปทั้งหัวใจคนฟัง

คนอ่อนกว่าทำได้เพียงแค่ปล่อยให้เลือดสูบฉีดจนใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อน่าดู

ถึงอย่างนั้นเสียงทุ้มก็ยังคงเย้าแหย่กันไม่เลิกไม่รา

ไม่พูดอะไรหน่อยหรอ...เงียบแบบนี้พี่ใจเสียแล้วนะ

แสร้งตัดพ้อไปอย่างนั้น ความจริงแล้วมีหรือควอนฮยอนบินจะดูไม่ออก

ผม...ไม่รู้จะพูดอะไร…”

สีหน้าของคุณภรรยานั่นน่ะ...

ฉายชัดเสียจนแทบไม่ต้องเอ่ยคำใดๆด้วยซ้ำ

งั้นไม่เป็นไร…”

มือใหญ่เคลื่อนจับปลายคางมนของคนตรงหน้าให้เงยขึ้นสบตากันชัดๆ

ให้นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะมองในตอนนี้


ให้เขาได้มองความสั่นไหวในลูกแก้วคู่สวยอย่างถนัดถนี่


ไม่ต้องพูดแล้ว


ให้เขาได้ครอบครองริมฝีปากนุ่มนิ่มอีกครั้ง

และอีกครั้ง

หลังจากเคล้าคลอ ราวกับวอนขอให้ได้สัมผัสลึกซึ้งกว่าเพียงแค่แตะผิวเผินเขาก็ได้สัมผัสกับจูบที่ทั้งแสนเนิ่นนาน เคล้าความหวานลึกล้ำ...หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นดอกพีชที่ผสมกลมกลืนไปกับกลิ่นสดชื่นของหยาดฝน

จูบที่ให้ความรู้สึกถูกต้องยิ่งกว่าจูบไหนๆที่เคยผ่านมาในชีวิต

ลงตัวราวกับเจอชิ้นที่ส่วนที่ประกอบกันได้อย่างพอดิบพอดี….

และบางที

นี่อาจเป็นชิ้นส่วนที่เราตามหากันมาเกือบครึ่งชีวิตก็เป็นได้

.
. 
.

ในขณะที่เวลายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆตามวิถีของมัน

ท่ามกลางความธรรมดาในแต่ละวันที่ผันผ่านนั้น

ความผูกพันก็ไม่เคยหยุดทำหน้าที่ด้วยเช่นกัน

มันขมวดความสัมพันธ์ของเราให้แน่นขึ้น และแน่นขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งรู้ตัวอีกที

ใครอีกคนก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วโดยไม่รู้ตัว

ไม่ใช่เรื่องแปลกเสียเลย หากความรู้สึกของเราทั้งคู่...

มันจะเข้าใกล้คำว่าความรักเข้าไปทุกที


โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามใดๆ...
.
.
.
.

Talk ((สำคัญน้า))

แจกไบก้อนคนละกระป๋องเอาไว้ฉีดไล่มดค่า เพราะเดี๋ยวหวานกันต่อยาวๆถึงตอนหน้าเลย555555555
กักตุนความหวานสำรองกันเอาไว้เยอะๆค่ะ เตือนไว้แค่นี้ : )
ลงช้ากว่าที่ตั้งใจไว้เพราะปรับแก้แล้วแก้อีกเลยสำหรับตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเพิ่มจากที่เอาลงไว้ตอนสปอยหลายจุดเลยทีเดียว

เอาล่ะค่ะ เข้าสู่ช่วงสำคัญ
วันนี้เลามาพร้อมกับข่าวดีด้วย ซึ่งก็คือออออออ
กิจกรรมชิงฟิค #PBITR’ นั่นเองงงงง!! ((เล่นใหญ่ทำไมว้า55555))
กติง่ายมากๆค่ะ แค่ทวิตความรู้สึกที่มีต่อฟิคเรื่องนี้ + รูปคาแรกเตอร์ของฮยอนบินและยงกุกที่คุณคิดว่าตรงกับในเรื่องมากที่สุด พร้อมติดแท็ก #GiveMePBITR ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับไปเลย 1เล่มฟรีๆ พร้อมของแถมครบเซ็ตคับผมมม ><
ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 14/03/61 นะคะ เราจะประกาศเดอะวินเนอร์เพียงหนึ่งเดียว ในวันที่15 มีนาคม เวลาสองทุ่มตรงทางทวิตเตอร์ค่ะ : )

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ตอนแรกเราไม่คิดว่าจะได้รวมเล่มด้วยซ้ำ ขอบคุณที่เข้ามาคุยมาบอกกล่าวว่าชอบฟิคของเรายังไง  จำนวนคนตอบแบบสอบถามความสนใจฟิคก็เยอะกว่าที่คิดไว้มากจนน้ำตาจะไหล ขอบคุณทุกๆกำลังใจ ทุกความเอ็นดูที่มีให้ฟิคของเรานะคะ ตอนนี้กำลังจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างให้จับกันแล้ว มาอยู่ด้วยกันจนจบอย่าเพิ่งทิ้งกันกลางทางน้า ;-;
ส่วนใครที่หยอดกระปุกรอซื้อเล่ม กำเงินกันแน่นๆนะคะ  เจอกันวันที่15 พร้อมรายละเอียดเล่มฟิคคับผ้ม(*´*)
ยังคุยกันได้ที่เดิมของเราที่ #PBITR เนอะ
เริ้บเสมอ
m i s s c o z y


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Content

Prologue

Chapter IV : Start it slow