Chapter VII : Not alone




Title : Chapter VII 'Not alone'


Pairing : Hyunbin x Yongguk


Genre : Omegaverse, Romantic, Domestic


Rated : PG




--------------------------------------------------




สองสัปดาห์ผ่านมาได้แล้วหลังจากวันที่มินฮยอนมากินข้าวที่บ้าน

เหมือนว่าหลังจากวันนั้นที่ขึ้นไปคุยธุระกับองซองอู ฮยอนบินดูจะเคร่งเครียดกว่าที่เคย

ยงกุกสังเกตเห็นไรหนวดที่ไม่ได้รับการโกนทั้งๆที่ปกติอีกฝ่ายจะดูแลตัวเองให้เนี๊ยบอยู่เสมอ

แต่เขาก็ไม่รู้จะทักท้วงอย่างไร ทั้งยังนึกถึงประโยคที่คุณมินฮยอนพูดกับเขาก่อนจะกลับบ้านในวันนั้น เขายิ่งรู้สึกไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง

ทว่าเรายังคงใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเก่า จะเปลี่ยนไปก็ตรงที่เขาย้ายมานอนห้องเดียวกันกับฮยอนบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกนั้นทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไป

แม้ฮยอนบินจะยังคงทำงานหนักไม่ต่างจากเมื่อก่อน เราก็ยังได้กินข้าวเย็นด้วยกัน

ระหว่างเรา...ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลย ความสัมพันธ์ที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆของเรา มันก็ยังดีเป็นปกติ

เพียงแต่เขาไม่รู้เลยว่าภายใต้ท่าทีที่ปกติทั้งหมดนั้น...ควอนฮยอนบินกำลังแบกรับบางสิ่งจนเหนื่อยล้ามากแค่ไหน

ช่วงนี้ถ้าเจ้านั่นจะยุ่งจนไม่มีเวลาให้ก็อย่าคิดมากเลยนะยงกุกอา...ช่วยเข้าใจฮยอนบินให้มากๆทีนะ

นั่นคือประโยคที่ฮวังมินฮยอนพูดกับเขา

และทั้งหมดที่เขาทำในตอนนี้จึงมีเพียงทำความเข้าใจอย่างเงียบเชียบ โดยไม่เคยกล้าถามอะไรออกไปแม้แต่อย่างเดียว

เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีสิทธิ์ถามเสียเท่าไหร่ มันอาจไม่ใช่เรื่องที่เขาควรไปก้าวก่าย

ทั้งหมดที่รู้สึกมีเพียงความเป็นห่วงก็เท่านั้น ไม่ได้น้อยใจหรืออึดอัดอะไรแต่อย่างใด

เขาเพียงแต่ห่วงว่าคุณควอนจะหักโหมหรือเคร่งเครียดมากจนเกินไป และนั่นคงไม่ดีแน่



วันนี้มีงานดึก เข้านอนเลยนะ ไม่ต้องรอ

คิมยงกุกเผยยิ้มมุมปากบางเบากับข้อความของคนเป็นสามีที่ส่งมา ในระหว่างที่ตัวเขากำลังเพลิดเพลินกับหนังสือในช่วงเวลาใกล้อาหารเย็น ไม่ได้ติดใจกับข้อความสั้นห้วนแบบนั้นเสียเท่าไหร่ ด้วยรู้ได้จากการที่อยู่ด้วยกันมาตลอดสองเดือนกว่าๆว่ามันเป็นนิสัยของควอนฮยอนบิน

เข้าอีหรอบนี้ วันนี้ควอนฮยอนบินคงไม่กลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน

เขาจึงส่งข้อความตอบกลับไปเพียงว่าอย่าลืมหาอะไรทานในตอนเย็นแต่เพียงเท่านั้น หากเอาเข้าจริงแล้ว

ความเคยชิน อย่างไรก็ยังเป็นความเคยชิน ยงกุกหักใจเข้านอนอย่างสบายไม่ได้

อย่างน้อยเขาก็ตั้งใจว่าจะรอเสียหน่อยเผื่อว่าอีกฝ่ายหิ้วท้องกลับมาบ้านอีกจะได้รอทำอะไรให้ทานได้

ถึงแม้ว่าคนเป็นสามีจะบอกว่าไม่ต้องรอ และยงกุกก็เสี่ยงที่จะโดนหาว่าดื้อก็เถอะ เขาจะอ้างว่านอนไม่หลับเสียก็ได้

คงไม่โดนว่าอะไรหรอก ก็คุณควอนน่ะใจดีจะตายไป


.

.

.

.


 “แทฮยอน

เสียงทุ้มเข้มของผู้เป็นเจ้านายดังมาจากเบาะหลังเรียกให้โนแทฮยอนที่กำลังนั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับรถต้องรีบขานรับเพราะไม่แน่ใจนักว่าน้ำเสียงนิ่งๆแบบนั้นมันหมายความว่าอย่างไร

ครับนายใหญ่

 “แกว่าข้อความแบบนี้มันดูห้วนๆไปหน่อยมั้ย?”

หากเป็นปกติฮยอนบินคงไม่คิดอะไร แต่พอนึกได้ว่านี่เป็นยงกุก เขาก็รู้สึกทะแม่งๆกับข้อความห้วนๆแบบนั้น

แล้วปกติสามีภรรยาส่งข้อความหากันนี่มันประมาณไหนนะ?

แน่นอนว่าควอนฮยอนบินไม่ใช่คนหวานเลี่ยน ไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติกด้วย เขาไม่เก่งเรื่องการใช้คำพูดอ่อนโยนอะไรเสียเท่าไหร่

โนแทฮยอนแทบกลั้นขำไม่อยู่ แต่ก็ทำได้แค่อมยิ้มน้อยๆแล้วตอบออกไปเมื่อเห็นข้อความที่คนเป็นเจ้านายยื่นมาให้ดู

ก็ปกตินะครับ คุณยงกุกไม่คิดมากหรอกครับ

แทฮยอนคิดแบบที่พูดทุกประการ เพราะคุณยงกุกเท่าที่ดูแล้วฟังจากที่พวกแม่บ้านชอบเอามาเล่ากับพวกการ์ดแล้วก็ดูไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไรเลย ออกจะเข้าอกเข้าใจคน ใจดี มีเมตตา

ก็จริงปกติยงกุกก็ไม่เคยคิดมากเรื่องฉัน

ถึงน้ำเสียงจะนิ่งเรียบแลดูเหมือนพูดเรื่องทั่วไป ไม่ทุกข์ร้อน แต่แทฮยอนรู้สึกว่าเขาจับถึงกระแสความน้อยใจแปลกๆที่ส่งออกมาจากสีหน้า

ทว่าใครจะรู้ว่าบางทีคุณยงกุกน่ะอาจห่วงนายยิ่งกว่าใครก็ได้ คงไม่มีเวลาไปคิดมากอะไรเรื่องนายทั้งนั้นแหละ

แต่พูดไปเขาจะกลายเป็นลูกน้องขี้สอดซะเปล่า

แล้วเวลาแกคุยกับเมียนี่คุยอะไรกัน?”

แทบสำลักน้ำลายตอนได้ยินคนเป็นนายถาม… ทำงานกับนายใหญ่มาก็ตั้งหลายปี อยู่ด้วยกันตั้งแต่ตอนนายใหญ่ยังดูแลแค่บริษัทลูก จนกระทั่งมาเป็นนายใหญ่คนปัจจุบันได้ปีหนึ่งแล้ว ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาพูดคุยเรื่องเมียที่บ้านกันแบบนี้

ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เมียผมเป็นพวกขี้บ่น ปกติก็โทรมาบ่นเรื่องข้างบ้านไม่ก็เพื่อนที่ทำงาน

นายใหญ่ไม่รู้หรอกว่าการมีเมียแบบคุณยงกุกน่ะเป็นของขวัญที่พิเศษที่สุดที่พระเจ้าประทานให้แล้ว

เมียที่ไม่เคยขอดูสมุดบัญชี   เมียที่ไม่ยึดเงินเก็บ เมียที่ไม่เคยขอดูโทรศัพท์ เมียที่ไม่เคยบ่นด่า เมียที่ไม่งี่เง่าเอาแต่ใจ ไม่หงุดหงิดใส่ ไม่เหวี่ยงวีน

สงสัยจริงๆว่านายใหญ่ของเขาทำบุญด้วยอะไรกัน

นี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าคนที่แต่งเข้ามาไม่ใช่คุณยงกุก ป่านนี้สถานการณ์ในบ้านจะเป็นยังไงกัน

เพราะฉะนั้นต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้คุณยงกุกยอมแต่งงานกับนายใหญ่

อย่างน้อยเขาก็รู้สึกเหมือนว่าช่วงนี้นายใหญ่จะอ่อนลงเยอะ

ก็ไอ้เรื่องที่เขาลือกันว่านายใหญ่ตระกูลควอนน่ะโหดอย่างนั้นอย่างนี้

มันใช่เรื่องล้อเล่นเสียที่ไหนกัน

ยิ่งงานวันนี้ที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาหลังจากพากันไปตรวจของในโกดังที่ดูเหมือนรายงานสินค้าจะผิดปกติ

แล้วก็ผิดปกติจริงๆ แถมยังเป็นฝีมือคนในที่ดูเหมือนว่านายใหญ่จะมีคนในใจที่คิดเอาไว้อยู่แล้วด้วย

ตอนฟังน้ำเสียงที่นายใหญ่บอกให้เอารายชื่อคนที่เกี่ยวข้องกับคลังสินค้าล็อตนี้ทั้งหมดมาให้

ลูกน้องในที่นั้นทุกคนต่างก็พากันขนลุกชันกันถ้วนหน้า

แม้แต่ตัวเขาเองยังอดรู้สึกราวกับเลือดในกายเย็นเฉียบไปหมดเสียไม่ได้เมื่อคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านั้นต่อไป

แต่ก็นั้นแหละ นี่ยังอ่อนลงกว่าเมื่อก่อนแล้วจริงๆ

เพราะฉะนั้นโนแทฮยอนจะไม่ขอขยายความถึงนายใหญ่เมื่อก่อนเสียก็แล้วกัน


.
.
.








 เวลาเกือบเที่ยงคืนที่ฮยอนบินกลับมาถึงบ้านรู้สึกเหมือนกับว่านานมากแล้วที่ไม่ได้กลับมาเจอบ้านที่เงียบเชียบถึงขนาดนี้

ความเคยชินนั้นน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว

อัลฟ่าหนุ่มถอนหายใจตั้งใจจะนั่งพักตรงโซฟาเสียหน่อยแล้วค่อยขึ้นไปอาบน้ำ ทว่ากลับต้องชะงักไปเมื่อเห็นร่างผอมบางของภรรยาในชุดนอนสีอ่อนนอนขดอยู่ตรงโซฟา ในมือมีวรรณกรรมเล่มหนา ดูก็รู้ว่าคงนั่งอ่านรอเขาจนผล็อยหลับไปเป็นแน่

ดื้อเงียบเหมือนกันนี่นา...

ควอนฮยอนบินคลี่ยิ้ม ใบหน้าดุดันเยือกเย็นยามอยู่ต่อหน้าลูกน้องมลายหายไป เหลือแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเวลาอยู่ต่อหน้าคิมยงกุก

เขาทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิหน้าโซฟา เฝ้ามองใบหน้าอ่อนเยาว์ยามหลับใหลที่ดูมีความสุขซะจนเขาไม่กล้าปลุก

ไม่เคยเลยที่เขาจะได้เพ่งพิศใบหน้าของอีกฝ่ายใกล้ๆอย่างนิ่งนานขนาดนี้ เพราะโดยปกติเราก็มักจะหลับไปพร้อมๆกัน ทั้งยงกุกก็มักจะตื่นนอนก่อนเขาอยู่เสมอ

เพราะแบบนั้น...ฮยอนบินถึงเพิ่งได้ตระหนักในตอนนั้นเองว่าใบหน้ายามหลับใหลของภรรยาจะต้องกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่ามองที่สุดของเขาเป็นแน่

ถ้าหากใบหน้าของยงกุกในยามปกติที่ใครๆต่างก็บอกว่าสวยงามอย่างนั้นอย่างนี้แล้วนั้น

ควอนฮยอนบินก็จะขอโต้กลับว่าใบหน้ายามหลับนั้นสวยกว่าเป็นไหนๆ

แต่ถึงอย่างไร...เขาพอใจมากกว่าหากเขาเป็นคนเดียวที่จะได้ชื่นชมความสวยงามนี้

มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยไล้พวงแก้มใสของคนที่กำลังหลับใหลอย่างแผ่วเบา

แผ่วเบาพอๆกับยามที่หยาดละอองฝนฤดูร้อนตกลงกระทบกลีบบอบบางของดอกพีช

หากจะเปรียบเช่นนั้นก็คงไม่เกินจริงเสียเท่าไหร่นัก

ก็เพราะว่าคิมยงกุกนั้นเปรียบเสมือนดอกพีชที่เติบโตอย่างสวยงามบริสุทธิ์สมกับที่ถูกทะนุถนอมมาอย่างดีแล้วจริงๆ

ให้ความรู้สึกว่าหากแตะแรงเพียงนิด...ก็กลัวว่าจะช้ำไปเสียก่อน

และในตอนนั้นเองที่ควอนฮยอนบินกำลังเพลิดเพลินไปกับใบหน้ายามหลับใหลของคนบนโซฟา

เปลือกตาบางที่เคยปิดสนิทก็ค่อยๆขยับเชื่องช้า ใบหน้าเนียนซุกเข้าหาฝ่ามือหนาอย่างเผลอไผล ก่อนที่คิมยงกุกจะค่อยๆสะลึมสะลือตื่นขึ้นอย่างไม่เต็มตานัก

คุณควอน...กลับมาแล้วหรอครับ?”

สักพักแล้วล่ะ

เหนื่อยไหมครับกินอะไรมารึยัง?...”

ควอนฮยอนบินหลุดยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้กับน้ำเสียงงัวเงียกึ่งหลับกึ่งตื่นของภรรยาที่ดูก็รู้ว่าง่วงแสนง่วง หากก็ยังอุตส่าห์ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงแบบนั้น

กินมาแล้วเหนื่อยด้วย

คนเป็นสามีว่าตอบพลางคว้ามือบางของคนที่ยังงัวเงียขึ้นมาแนบกับใบหน้า ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้ม

แต่ตอนนี้หายเหนื่อยแล้ว

และไม่รู้ว่าเป็นเพราะความง่วงงุนหรือเพราะอะไรก็ตาม หลังจากที่ริมฝีปากบางของคนเป็นภรรยาแย้มยิ้มให้กับประโยคที่ดูคล้ายจะออดอ้อนอยู่หน่อยๆนั้น ปลายนิ้วเรียวที่ถูกมือใหญ่จับไปทาบทับบนใบหน้าหล่อเหลาก็ค่อยๆขยับไล้ไปตามไรหนวดของอีกฝ่ายเบาๆ

คุณดูเหนื่อยจริงๆนะ...ลืมโกนหนวดด้วย

อืม...ช่วงนี้มีเรื่องเยอะแยะไปหมด

“คุณบอกผมได้นะถึงไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง

แต่อย่างน้อยก็อย่าเก็บไว้คนเดียวเลยนะครับ”

และในตอนนั้น

ที่อาจเป็นเพราะความง่วงจริงๆก็ได้

คิมยงกุกถึงได้พรั่งพรูถึงสิ่งที่กักเก็บไว้ในใจมาตลอดสองสัปดาห์กับเขา

ใช่ว่าควอนฮยอนบินดูไม่ออก ว่าคุณภรรยามีอะไรอยากจะพูดกับเขาอยู่ตลอด แต่ไม่ยอมพูดออกมา ทั้งเขาเองก็ที่ไม่อยากจะไปบีบเค้นให้อีกฝ่ายต้องหวาดกลัวกันไป สุดท้ายแล้วเราถึงได้ปล่อยให้มันค้างคาจนกระทั่งตอนนี้

ในตอนที่ยงกุกมีสติไม่เต็มร้อยดี กับเขาที่แสนเหนื่อยล้า

และสัมผัสอุ่นๆผ่านฝ่ามือที่วางทาบบนใบหน้าของกันและกัน

ราวกับปลดล็อคบางสิ่งบางอย่างให้ทลายลง

“ขอบคุณนะ

ริมฝีปากบางของคนบนโซฟาวาดขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา ในขณะเดียวกันเปลือกตาก็ปิดพริ้มลงไปอีกครั้ง

ทำเอานายใหญ่ตระกูลควอนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆด้วยเพราะแสนจะเอ็นดูยิ่งกว่าอะไร

คงง่วงมากจริงๆนั่นแหละนะตื่นเช้ามาจะคิดว่าที่คุยกับเขาวันนี้คือความฝันหรือเปล่าก็ไม่รู้

เห็นแบบนั้นเขาก็คร้านจะปลุกอีกฝ่ายให้เดินขึ้นไปนอน

อัลฟ่าหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นเหนือศอกก่อนจะค่อยๆช้อนกายผอมบางขึ้นอุ้มอย่างระมัดระวัง

โอเมก้าอย่างยงกุกทั้งผอมบางและตัวเบาหยอง ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอัลฟ่าที่แข็งแรงเป็นพิเศษแบบเขาหรอก

อุ้มเมียขึ้นไปนอนน่ะสบายกว่าไปนั่งเซ็นเอกสารทั้งวันเสียอีก

เรื่องแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลยสักนิด

ควอนฮยอนบินเต็มใจเสียยิ่งกว่าเต็มใจ

.
.
.
.
.

“ควอนฮยอนบินจะมากินข้าวที่บ้านเรา?”

คังแดเนียลเด้งตัวขึ้นจากโซฟาแล้วปล่อยทิ้งให้เกมในโทรศัพท์มือถือขึ้น Over ทั้งอย่างนั้น หลังจากได้ยินข่าวจากอิมยองมิน

“ไม่ใช่แค่กินข้าวนะ แต่จะอยู่ค้างกับยงกุกด้วย”

“สามวันเลยหรอ? ไม่ทำงานทำการหรือไงวะ”

อิมยองมินยักไหล่ หย่อนโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งวางสายจากน้องชายเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆแดเนียล

“เห็นน้องบอกเขาเคลียร์งานเสร็จแล้ว”

“เยี่ยมเลยคุณควอน สามีดีเด่นเหลือเกิน”

“มาก็ดียิ่งอยู่สามวันยิ่งดีใหญ่”

เป็นคังดงโฮที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะทำงานที่เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ

คนเป็นน้องชายขมวดคิ้ว ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มของว่าที่นายใหญ่ตระกูลคังต่อไปเขาก็รู้ได้ทันที

ว่าพี่ชายอย่างคังดงโฮจะต้องมีแผนอะไรในใจอยู่แน่ๆ

“เฮ้ยฉันไม่รู้ว่าพวกแกคิดพิเรนทร์อะไร แต่ต้องหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย”

“อย่าซีเรียสหน่ายองมิน ไม่ใช่อะไรร้ายแรงซะหน่อย”

คังดงโฮยักไหล่ ก่อนจะวาดเรียวขาขึ้นวางกับโต๊ะทำงาน

เมื่ออยู่ต่อหน้าพี่น้องเขาก็ไม่จำเป็นต้องวางมาดขรึมอีกต่อไป

“ใช่ ทำความรู้จักน้องเขยไง เราก็แค่อยากทำความรู้จักน้องเขยเฉยๆ”

“อืม ก็แค่อยากคุยด้วยเฉยๆเอง : )

โอเค

อิมยองมินจะพูดอะไรได้อีก

ได้แต่หวังว่าสามีของน้องชายที่มีดีกรีเป็นถึงประธานควอนกรุ๊ปจะแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับสองพี่น้องตระกูลคังนี่ได้แล้วกันนะ

เขาช่วยได้เท่านี้แล้วจริงๆ



T
B
C.
สู้ๆนะคุณควอน : )

เอาล่ะ วันนี้ไม่รู้จะทอล์คอะไรจริงๆค่ะ เหะๆ

แต่ๆๆๆ เรื่องรวมเล่มที่เคยสอบถามไป ตอนนี้ยอดคนที่ซื้อแน่นอนคือทะลุกขั้นต่ำไปเยอะมากกกกก แงงง นั้มตาไหล;_:

สำหรับคนที่ถามราคามา คือเราคุยกับโรงพิมพ์แล้วนะคะ ตั้งใจว่าจะทำเป็นเล่มๆเล็กๆแบบ B6 ไรงี้อ่ะค่ะ (ใหญ่กว่าหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นนิดโหน่ย) เพราะเนื้อหาไม่ได้ยาวเว่อวังมากมาย แล้วก็อยากให้มีไว้ครอบครองกันทุกๆคนเลย//_\\ เพราะงั้นราคาก็จะน่ารักตามไป รวมส่งแล้วยังไงก็ไม่เกิน 280บาทแน่นอนค่ะ (อันนี้คือตีราคาแบบสูงสุดๆไว้ก่อนนะคะ555555)

รายละเอียดจะมาแจ้งอีกทีหลังจากลงตอนที่10แล้วนะคะ : )

สุดท้ายนี้ขอบคุณฟีดแบคและความรักที่มีให้กันเสมอมา ขอบคุณที่สนใจจนฟิคเรื่องนี้จนมันกำลังจะกลายเป็นรูปเป็นร่างให้ได้จับกัน รักมากเด้อ´・ᴗ・`

ยังมาคุยกันได้เหมือนเดิมที่ #PBITR เนอะ อาจไม่ได้ตอบทุกคนเพราะคุยไม่เก่งและไม่รู้ว่าอยากคุยกับเรามั้ย 5555555

ตอนหน้าเจอกันบ้านตระกูลคังค่ะ : )
เริ้บ

M I s s c o z y

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Content

Prologue

Chapter IV : Start it slow