Chapter VIII : Kang
Title : Chapter VIII ‘Kang'
Pairing : Hyunbin x Yongguk
Rated : PG
Genre : Omegaverse, Romantic, Domestic
----------------------------------------------------------------------------
เรามาถึงบ้านตระกูลคังกันในช่วงสายของวันศุกร์
และวางแผนจะกลับอีกทีเช้าวันจันทร์ เพราะฮยอนบินมีประชุมตอนบ่าย
และยงกุกไม่สามารถอยู่บ้านได้นานนัก ด้วยเพราะต้องกลับไปดูแลเรื่องต่างๆตามหน้าที่ภรรยานายใหญ่ตระกูลควอน
จะได้กลับมาเจอพ่อและพวกพี่ชายอีกทีก็คงเป็นงานรับตำแหน่งของคังดงโฮต้นเดือนหน้า
ยิ่งใกล้วันรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการมากเท่าไหร่
พี่ชายของเขาก็ยิ่งชีวิตวุ่นวาย
คุณควอนเล่าให้ฟังว่าพี่ดงโฮยังโชคดีมากนักที่ยังมีเวลาเตรียมตัวมากมายกับเรื่องต่างๆ
ผิดกับควอนฮยอนบินที่ทุกอย่างคล้ายกับจะกระทันไปเสียหมดเพราะพ่อของเขาเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
จากที่คิมยงกุกเคยได้ยินคนอื่นๆเล่ากันมา รวมกับพวกพี่ๆเคยพูดถึงบ้างตามประสาข่าวคราวของคนในวงการเดียวกัน
ทั้งกระทู้ต่างๆในอินเตอร์เน็ตที่พูดถึงเรื่องราวของตระกูลควอนกันให้รึ่ม
ความจริงแล้วควอนยองดึก อาของฮยอนบินควรได้ขึ้นเป็นนายใหญ่คนต่อไป
เพราะลูกชายแท้ๆอย่างควอนฮยอนบินไปดูแลบริษัทลูกที่ฮ่องกงเสียเนิ่นนานตั้งแต่เรียนจบจนไม่มีใครคิดว่าจะกลับมารับตำแหน่งอีกแล้ว
แต่แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเช่นนั้น
คนเป็นลูกถึงต้องรีบบึ่งกลับมาเพื่อจัดการงานศพของผู้เป็นพ่อและยืนยันที่จะรับตำแหน่งเป็นนายใหญ่ตระกูลควอน
ตามสิทธิ์โดยชอบธรรม
ยงกุกจำได้ว่าวันฝังศพเขายังไปร่วมพิธีและเจอควอนฮยอนบินอยู่เลย
เป็นครั้งแรกที่ได้เจอตัวจริงหลังจากที่ได้ยินข่าวลือหนาหูต่างๆนาๆ
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่เคยค้อมหัวทักทายกันในวันนั้นเพียงแค่ไม่กี่วินาที
หนึ่งปีต่อมาจะต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา
นึกแล้วก็ชวนให้รู้สึกแปลกๆขึ้นมา
เมื่อนับดูว่าเราแต่งงานกันมาก็สองเดือนกว่าเข้าไปแล้ว
เป็นชีวิตในแบบที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอมาก่อนเลยจริงๆ
ทั้งทุกอย่างยังดีเกินกว่าที่คาดคิดจนความหวาดหวั่นกังวลใจก่อนหน้านั้นปลิวหายไปจนหมด
“อยู่นี่เอง”
หันกลับไปส่งยิ้มให้ผู้มาใหม่ที่ไมใช่ใครอื่นนอกจากบิดาแท้ๆของตัวเองที่เดินมาหากันถึงในครัวในขณะที่ยงกุกกำลังช่วยป้าจองอึม
แม่บ้านเก่าแก่ของตระกูลคังทำขนมไว้รอพวกพี่ๆกลับมาจากที่ทำงาน
“คุยกับคุณควอนเสร็จแล้วหรอครับ?”
หลังจากที่มาถึงที่บ้านเมื่อตอนสาย แม่บ้านต่างก็พาขนของไปเก็บในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ต้อนรับ
คนแรกที่ยงกุกเห็นทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องรับแขกคือพ่อในชุดอยู่บ้านแสนสบายนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวโปรดพร้อมกับนั่งดูรายการกีฬาในโทรทัศน์
เมื่อเห็นว่าพวกเขามาถึงกันแล้ว พ่อก็ตรงเข้ามากอดเขาเป็นอันดับแรก
ก่อนจะหันไปทักทายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเขย
กระทั่งพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันสักพัก
พ่อกลับเอ่ยขึ้นมาว่ามีเรื่องอยากคุยกับคุณควอน
เขาจึงเลี่ยงมาช่วยป้าจองอึมในครัวแทน
แม่ใจจะอยากรู้แค่ไหน แต่ยงกุกรู้ดีว่าหากพ่ออยากให้เขาร่วมรับรู้
ก็คงดึงรั้งให้นั่งอยู่ด้วยกันไปแล้ว
เขาจึงทำได้เพียงปัดความสงสัยเหล่านั้นออกไป
“อืม ตอนนี้พ่อให้ขึ้นไปพักผ่อนน่ะ
แล้วเดี๋ยวค่อยลงมากินข้าวเย็นพร้อมกันตอนพี่ๆเรากลับมา”
ลูกชายคนเล็กของตระกูลคังพยักหน้ารับรู้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ไร้คำถามใดๆให้ผู้เป็นพ่อต้องลำบากใจคิดหาคำตอบ
ยงกุกก็ยังคงเป็นยงกุก
เป็นยงกุกที่ทั้งฉลาดและน่ารักเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่
และแน่นอน...สำหรับเรื่องที่พูดคุยกับฮยอนบินเป็นการส่วนตัวเมื่อครู่นั้น
เขาไม่อยากให้ยงกุกต้องมารับรู้ให้วุ่นวายใจหรือพาลวิตกไปด้วยเสียเท่าไหร่
เพราะไม่ว่ายังไง
ตราบเท่าที่ยังหายใจเขาก็ปรารถนาจะเห็นเพียงสิ่งเดียว
คือให้ลูกชายคนนี้มีแต่รอยยิ้มอยู่เสมอ
“ชอบเขาไหม?”
“ครับ?”
“สามีเราไง ต้องมาแต่งงานกันแบบไม่ได้ตั้งใจ อยู่กินกันมาก็ร่วมสองดือนกว่าเข้าไปแล้ว
พ่อเลยอยากรู้ว่าตอนนี้เราชอบเขาหรือเปล่า?”
“ทำไม...อยู่ดีๆมาถามแบบนี้ล่ะครับ”
คนเป็นลูกเอ่ยถามกลับกลั้วเสียงหัวเราะที่ดูยังไงก็ปิดความกระอักกระอ่วนไม่มิด
ดูท่าตอนนี้หัวใจดวงน้อยๆของลูกชายก็คงสับสนไม่แพ้กัน
เห็นอย่างนั้นคนเป็นพ่อเลยยิ่งกระเซ้าหนักเข้าไปอีก
“ก็เขาดูชอบลูกพ่อมากเลยนี่หน่า อย่าบอกว่าดูไม่ออก?”
“ไม่รู้หรอกครับ คุณควอนไม่เคยพูดอะไรซะหน่อย”
“มองหน้าพ่อแล้วพูดใหม่อีกทีซิ”
ป้าจองอึมเดินออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
พร้อมๆกับคุ้กกี้ที่เข้าเตาอบไปแล้วเรียบร้อย
แถมถ้วยชามอุปกรณ์ต่างๆยังถูกจัดการจนเกลี้ยง
ตอนนี้ยงกุกจึงไม่มีทางหลบเลี่ยงคำถามใดๆของพ่ออีกต่อไป
คุณหนูคนเล็กทำได้เพียงถอนหายใจก่อนจะว่าเสียงอ่อน
“ไม่รู้จริงๆครับ ถ้าเขาไม่พูดกุกก็จะไม่คิดไปเอง”
จริงอย่างที่ปากว่า
เพราะต่อให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายต่อหลายสัปดาห์มันจะดีขนาดไหน
ยงกุกก็ไม่แน่ใจว่าสำหรับอีกฝ่ายมันได้กลายเป็นความชอบพอแล้วหรือยัง
หรือเป็นเพียงความรู้สึกดีๆที่มีให้คนที่ต้องร่วมเรียงเคียงหมอนกันอยู่ทุกคืน
เขาไม่ได้มีเวลาศึกษาอีกคนมากพอที่จะรับรู้ได้ว่าฝ่ายนั้นรู้สึกอะไรอยู่
เรายังต้องเรียนรู้กันไปอีกมากเลยทีเดียว
เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องความชอบพออะไรขั้นนั้น
การแสดงออกทางกายก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่ากอดหลวมๆที่ตื่นมาเจอตอนเช้า
หรือการจับมือ นอนตักใบบางครั้งบางครา
พอโดนคำถามของพ่อพุ่งใส่เข้าอย่างจังถึงได้กระอักกระอ่วนไป
“เขาอาจจะยังไม่รู้เหมือนกันก็ได้ ขนาดกุกยังไม่รู้เลย”
คนสูงวัยหัวเราะเบาๆด้วยเพราะเอ็นดูหนักหนา
ลูกชายคนเล็กของเขาคงไม่สังเกตจริงล่ะมั้งว่าสายตาของนายใหญ่ตระกูลควอนนั้นชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดเป็นไหนๆ
มือกร้านเอื้อมไปลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกชายเบาๆ
ดวงตาที่ล้าไปตามกาลเวลาทอดมองใบหน้าของลูกชายอย่างอ่อนโยนกว่าที่เคยใช้มองใคร
อาจเพราะตั้งแต่ยงกุกเกิดมาแล้วผลเลือดแจงชัดว่าเป็นโอเมก้า
ทั้งบ้านก็ต่างหวาดวิตก
ไม่ใช่เพราะกลัวถูกนินทาดูถูก
แต่เพราะห่วงนักหนาว่าภายภาคหน้าจะมีใครมาทำอันตรายเจ้าดอกไม้บอบบางหรือไม่
ยิ่งแม่ของยงกุกตายหลังจากลูกชายอายุเพียงสองสามปี
เขาจึงยิ่งทะนุถนอมลูกคนนี้มากเข้าไปใหญ่
ถึงได้กางกั้นให้ห่างไกลจากโลกที่มีแต่การแย่งชิงนี้ให้มากที่สุด
และเขาหวังว่าควอนฮยอนบินจะทำมันได้ดีไม่น้อยหน้าไปกว่าเขา
“เอาเถอะ ไม่รีบร้อนพ่อก็ว่าดีเหมือนกัน
ค่อยเป็นค่อยไปนั่นแหละดีแล้ว...มีกันสองคนก็ดูแลกันดีๆ”
คิมยงกุกที่แม้จะรู้สึกแปลกไปกับน้ำเสียงและแววตาของพ่อเขาก็ทำเพียงเก็บความสงสัยนั้นไว้กับตัวเท่านั้น
ยังคงยิ้มรับเพื่อให้พ่อสบายใจว่าเขาจะเข้มแข็งและมีความสุขแบบที่พ่อเคยอวยพรเอาไว้
แม้แท้จริงแล้วน้ำเสียงที่แสนจะแกว่งไกวในประโยคสุดท้ายนั่น…
‘มีกันสองคนก็ดูแลกันดีๆ…’
จะทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงราวกับตะกอนความรู้สึกบางอย่างค่อยๆตีขึ้นในใจอย่างช้าๆก็ตาม…
.
.
.
.
นี่มันชักจะแปลกเข้าไปทุกที…
คิมยงกุกเหลือบมองพี่ชายทั้งสามที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร
ก่อนจะเบนสายตามองคนเป็นสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ
เขาไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ
บรรยายกาศบนโต๊ะอาหารเย็นวันนี้แปลกมากจริงๆ
แม้จะพูดคุยกันบ้างตามหัวข้อสนทนาที่พ่อเป็นคนเปิด
ด้วยส่วนมากจะเป็นเรื่องบริษัทเสียมากกว่า ตามประสาคนทำธุรกิจ
พี่แดนยังคงเป็นพี่แดนคนเดิมที่ชอบวอแวให้เขากินนั่นกินนี่
บ่นไปเรื่อยว่าน้องผอมอย่างนั้นอย่างนี้
หนักเข้าก็เอ่ยราวกับจะแซะว่าบ้านนั้นเลี้ยงน้องชายสุดที่รักไม่ดี
จนควอนฮยอนบินถึงกับคิ้วกระตุก
เห็นแล้วชวนให้ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยอ่อน
ด้วยเพราะเริ่มรู้ทันว่าพวกพี่ชายขี้หวงคงหาเรื่องมาวัดความอดทนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเขาเป็นแน่
“กุกก็กินแล้วไม่อ้วนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วพี่แดน พูดไปเรื่อย”
คราวนี้คังแดเนียลเป็นฝ่ายคิ้วกระตุกบ้าง
เมื่อน้องชายพูดคล้ายจะเข้าข้างสามีเสียเต็มประดา
อิมยองมินเองทำได้เพียงถอนหายใจ และตั้งอกตั้งใจกินข้าวไปเท่านั้น
ส่วนคังดงโฮ รายนั้นยังคงจับจ้องน้องเขยอย่างไม่เลิกไม่รา
ทว่าควอนฮยอนบินใช่ไก่อ่อนเสียเมื่อไหร่
หากคิดว่าคนอย่างเขาจะนั่งตัวลีบเหงื่อตกเพราะโดนพี่เมียรุมกดดันกันทางสายตา
เห็นทีว่าคงจะดูถูกกันมากไปหน่อย
แต่ใครก็คงไม่รู้ดีไปกว่าคังดงโฮเองว่าในใจกำลังคิดอะไรกันแน่
ความจริงแล้วเขาอยากรู้เพียงข้อเดียว
เพียงข้อเดียวที่ค้างคาใจมานาน
ว่าแท้จริงแล้วนายใหญ่ตระกูลควอนตั้งใจจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตคู่ของตัวเองกับน้องชายเขา
หากเป็นจริงอย่างที่คาดเดา
ว่าอีกฝ่ายมองน้องชายเขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมคานอำนาจระหว่างตนเองกับควอนยองดึกผู้เป็นอา
หากเป็นเช่นนั้นคังดงโฮก็จะได้จัดการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ไม่ให้น้องชายต้องรู้สึกอะไรเกินเลยกับอีกฝ่ายเป็นอันขาด
แต่ถ้าหากไม่ใช่อย่างที่เขาเดาไว้
เขาก็จะปล่อยไปอย่างที่มันควรจะเป็น
“ยงกุกวันนี้ไปเล่มเกมห้องพี่กันนะ
น้องไม่อยู่เป็นเดือนๆพี่คิดถึงจนจะเฉาตายแล้วเนี่ย”
“ก็ไม่ยอมหาเมียซะทีนี่ ดูซิ น้องคนเล็กได้แต่งงานก่อนใครเพื่อนซะงั้น
เพราะพวกแกเอาแต่ลอยชาย”
คังแดเนียลที่โดนคนเป็นพ่อดุเข้าให้ถึงกับเบ้ปาก
ทำราวกับตัวเองเป็นเด็กสิบขวบ
“ก็แต่งเพราะจำเป็นนี่ น้องไม่ได้อยากจะแต่งซะหน่อย”
“พี่แดเนียล”
ไม่ต้องรอให้ผู้เป็นพ่อเอ็ด น้องชายคนเล็กก็เอ่ยเรียกพี่ชายด้วยเสียงนิ่งเรียบขึ้นมาจนขนาดอิมยองมินเองที่เอาแต่กินไม่พูดไม่จาเสียนานยังอดสะดุ้งไม่ได้
พลันนึกสงสารคังแดเนียลขึ้นมา
ป่านนี้ในใจคงร้องไห้ไปแล้วเมื่อน้องชายที่ตัวเองรักยิ่งกว่าชีวิตมองด้วยสายตาเรียบนิ่งแบบนั้น
ยิ่งเพราะสาเหตุนั้นมาจากควอนฮยอนบินยิ่งแล้วใหญ่
หัวใจคงพองฟูไปเลยสินะนายใหญ่ตระกูลควอน
ขนาดว่าอีกฝ่ายหันไปคุยกับคุณลุง
ยองมินยังดุออกเลยว่าภายใต้ท่าทีสุขุมนั่นกำลังลิงโลดขนาดไหน
เอาเข้าจริงแล้ว ว่ากันตามตรง
สายตาของนายใหญ่นั่นใครก็ดูออกว่าชอบน้องชายเขาแค่ไหน
มีแต่พี่ชายที่ดูจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปอย่างคังดงโฮ
กับคนที่ดูจะไม่สนอะไรบนโลกนอกจากยงกุกอย่างแดเนียลเท่านั้นแหละที่ดูไม่ออก
อ่า...ไม่สิ
บางทีอาจจะรวมน้องชายคนเล็กที่ฉลาดไปซะทุกเรื่องยกเว้นเรื่องแบบนี้ด้วยอีกคน
.
.
.
.
.
เวรกรรมของควอนฮยอนบินไม่ได้สิ้นสุดแต่เพียงบนโตีะอาหาร
ความจริงแล้วของจริงมันเพิ่งจะเริ่มต้นหลังจากนั้นต่างหาก
คิมยงกุกถูกพี่ชายตัวดีอย่างคังแดเนียลลากไปกกไว้ที่ห้องตัวเองทันทีที่กินข้าวเสร็จ
โดยมีอิมยองมินตามไปติดๆ
คุณพ่อตาของเขาเองก็ขอตัวแยกไปพักผ่อน
ตรงนี้จึงเหลือเพียงควอนฮยอนบินและคังดงโฮเพียงสองคนกับโต๊ะอาหารว่างเปล่า
ราวกำลังหยั่งเชิงกันและกันและเฝ้ารอว่าใครจะเป็นฝ่ายเปิดประโยคขึ้นมาก่อน
ทว่าเขารู้ดีว่าพี่ชายของภรรยาที่จ้องกันตั้งแต่ตอนกินข้าวนั้น
มีบางอย่างที่ค้างคาใจกับเขาอยู่
หากแต่ยังไม่ทันจะได้เปิดปากขึ้น
คังดงโฮกลับหันไปสั่งแม่บ้านให้เอาไวน์ในตู้ออกมาพร้อมแก้วทรงสูงสีใสสองใบ
ท่ามกลางความเงียบงันที่แฝงบรรยากาศกดดันแปลกประหลาด
มีเพียงเสียงของเหลวสีแดงเข้มที่ไหลลงสู่แก้วสีใสให้ได้ยิน
ก่อนที่แก้วนั้นจะถูกยื่นมาให้เขา
“ดื่มก่อนเถอะนายใหญ่ควอน”
“เรียกฮยอนบินก็ได้ครับ ยังไงพี่ดงโฮก็อายุมากกว่าผม”
แม้ประโยคนั้นจะดูราวกับเต็มไปด้วยความนอบน้อม
หากมองให้ลึกแล้วจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังบีบให้เขายอมรับสถานะเสียมากกว่า
“อย่าชินกับมันดีกว่านายใหญ่…”
เสียงทุ้มว่าอย่างเรียบเฉื่อยพลางยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นจรดดื่ม
“ถึงเวลาหย่ากับน้องผมจะได้ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจกัน”
“ผมไม่เคยคิดจะหย่า”
คังดงโฮเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มประดับมุมปาก
ในขณะที่ฮยอนบินผ่อนลมหายใจออกมาอย่างพยายามระงับอารมณ์เมื่อรู้ตัวว่าเผลอทำเสียงแข็งจนแม้แต่แม่บ้านยังสะดุ้งตามกันไป
มือหนายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว
ก่อนจะจ้องมองพี่ชายของภรรยาด้วยแววตาแน่วแน่ แล้วเอ่ยย้ำชัด
“ผมไม่เคยคิดจะหย่ากับยงกุก”
“งั้นแปลว่าอะไร? แปลว่าต่อให้มีโอกาสก็จะไม่หย่าทั้งที่ไม่ได้เต็มใจแต่งตั้งแต่แรกน่ะหรอ?”
“ครับ ยังไงก็ไม่หย่า”
คำตอบที่ไม่ได้เสียเวลาคิดเลยแม้เสี้ยววินาทีทำเอาว่าที่ผู้นำตระกูลคังคนต่อไปถึงกับชะงัก
แววตาคมปลาบสองคู่จดจ้องกันอยู่ครู่ใหญ่
จนแม่บ้านที่อยู่ใกล้ๆต่างพากันเปรียบเทียบอยู่ในใจว่าราวกับเห็นเสือสองอยู่ด้วยกันก็ไม่ปาน
จวบจนกระทั่งคังดงโฮเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
พลางลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาคนที่เขาเพิ่งยอมรับในใจไปสดๆร้อนๆเมื่อกี้นี้ว่าเป็นน้องเขย
ยอมรับพร้อมๆกับความคาใจที่ถูกไขกระจ่างเพียงจ้องมองแววตาแน่วแน่คู่นั้น
มือหนาแตะลงบนบ่ากว้างของคนที่นั่งอยู่ ก่อนจะตบเบาๆสองสามครั้ง
แล้วเดินขึ้นห้องไป
มันเหมือนกับสัญญาณของลูกผู้ชายด้วยกันนั่นแหละ
ไม่ต้องพูดก็รู้กันว่าท่าทีแบบนั้นหมายความว่าอะไร
และนั่นทำให้ฮยอนบินยิ้มกว้างออกมาอย่างช่วยไม่ได้
โชคดีจริงๆที่ไม่ต้องบาดหมางกับคังดงโฮให้ยงกุกต้องพลอยลำบากใจ
ตอนนี้ก็ได้เวลาไปทวงคุณภรรยาคืนจากพี่ชายอีกคนเสียที
.
.
.
.
.
“ตกลงมีอะไรกันแน่ครับ? ไม่ได้อยากจะเล่นเกมหรอกใช่ไหม?”
อิมยองมินยักไหล่
ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วโดดขึ้นไปนอนเล่นมือถือบนเตียงของแดเนียลสบายใจเฉิบ
หลังจากทันทีที่เข้ามาในห้อง น้องชายคนเล็กก็เปิดประเด็นขึ้นทันทีราวกับรู้ทัน
เหลือเพียงพี่ชายคนกลางตัวดีที่ยืนยิ้มเผล่ให้ตรงหน้า
“ก็พี่แดนคิดถึงน้องกุกนี่
น้องมาเยี่ยมบ้านทั้งทีก็ดันจะตามติดมาอีกนะคนเรา”
“เขาเป็นสามีกุกไง”
“น้องอ่ะ พูดเต็มปากเต็มคำเชียวนะ ชอบเขาไปแล้วล่ะสิ!”
คิมยงกุกขมวดคิ้วหลังฟังคำนั้นของพี่ชาย
“เกี่ยวอะไรกับชอบ?”
“ดี ไม่ชอบก็ดี ห้ามรักใครมากกว่าพวกพี่เด็ดขาด”
“หาเมียมั้ยวะแดเนียล น้องมันแต่งงานมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว
ยังจะไปอะไรกับน้องอีก”
ไม่ใช่ว่าอิมยองมินไม่หวงหรือห่วงน้อง แต่เมื่อหลังจากที่น้องดูแจ่มใสร่าเริงมีความสุขดี
แถมบนโต๊ะอาหารเมื่อกี้นี้ก็ดูจะสนิทกันดีกับควอนฮยอนบิน
เห้นพูดคุยหัวเราะเข้ากันดีจะตายไป แล้วเรื่องอะไรเขายังจะต้องไปขึงขังอีก
“ก็ไม่ได้อะไร ตอนไปอยู่บ้านโน้นฉันก็ไม่เคยไปวุ่นวายเลย แล้วเนี่ย
นานทีน้องจะกลับมาหา กะจะนอนกอดให้หายคิดถึง แล้วยังไง? พอเขามาด้วยก็ต้องไปนอนกับเขาใช่ไหมล่ะ?”
“มันก็ต้องแบบนั้นสิครับ”
“น้องอ่ะ ที่ปกป้องเขาตอนกินข้าวก็ทีนึงแล้วนะ”
“ก็พี่แดนไปแซะเขาทำไมล่ะครับ”
คังแดเนียลที่พอเถียงไม่ออกก็ได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งกับปลายเตียง
เห็นแบบนั้นยงกุกจึงอดยิ้มออกมากับอาการขี้ใจน้อยของพี่ชายไม่ได้
จึงได้เดินเข้าไปนั่งข้างๆพร้อมวาดแขนโอบรอบตัวโตๆของพี่ชาย
“พี่แดนอย่าน้อยใจเลยนนะครับ”
“พี่ไม่ได้น้อยใจ”
“งั้นยิ้มให้น้องดูหน่อยเร็ว ยิ้มแบบหมาซามอยด์อ่ะ นะๆ”
“เดี๋ยวเถอะ”
ถึงจะแสร้งตวัดหางตาใส่
หากสุดท้ายคนที่รักน้องที่สุดก็ฉีกยิ้มออกมาจนได้เมื่อลูกแมวขี้อ้อนยิ้มแป้นแล้นให้เสียขนาดนั้น
อิมยองมินที่เห็นสองพี่น้องกอดกันหัวเราะคิกคักก็อดไม่ได้
เด้งตัวขึ้นจากที่นอนแล้วโถมตัวกอดทั้งสองคนอีกทีหนึ่งจนกลายเป็นภาพที่ดูแล้วน่าตลกสิ้นดี
ทว่าเสียงหัวเราะที่ดังออกไปจนถึงคนที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ยืนยันได้ว่าเรามีความสุขแค่ไหน
ทำเอาควอนฮยอนบินที่กำลังจะเอื้อมมือเคาะประตูถึงกับลดมือลงทันที
พร้อมรอยยิ้มมุมปาก
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะใสๆของคนเป็นภรรยาเขาก็ไม่กล้าเข้าไปขัดความสุข
ไม่วายจะโดนคังแดเนียลเกลียดเข้าไส้ของจริง
ขายาวก้าวกลับห้องนอนแขกของตัวเอง
แม้จะเซ็งอยู่หน่อยๆที่ทั้งวันนี้แทบจะไม่ได้อยู่กับยงกุก
แต่เอาเถอะ นานๆอีกฝ่ายจะกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัวแบบนี้
กับเขายังไงก็ต้องกลับไปอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว
คราวนี้จะยอมถอยให้คุณพี่เมียสักครึ่งก้าวก็แล้วกัน
Talk
หายไปนานเพราะไปยุ่งวุ่นวายเรื่องปกมาค่ะ แถมยังป่วยอีกต่างหาก
จะบ้าตัย ;-;
จริงๆตอนนี้มันเป็นตอนที่อยากให้เห็นยงกุกในมุมอื่นๆบ้างนอกจากมุมคุณภรรยา
ทั้งมุมขี้อ้อน มุมดุตั่งต่าง
เป็นตอนที่เราใส่ส่วนสำคัญหลายๆอย่างลงไปมากกว่าตอนอื่นๆด้วยค่ะ ทั้งความสับสนของตัวละคร ทั้งความคาใจที่ถูกแก้ไขของพี่ดงโฮ และความหนักแน่นคนจริงของนายใหญ่ และคุณอาควอนยองดึก ที่อยากให้ทุกคนจำชื่อนี้เอาไว้ให้ดีด้วยค่ะ ; )
เพราะงั้นเพื่อความไม่หลุดโทนและเพื่อกันไม่ให้สติหลุดจนหลงลืมส่วนสำคัญ
เราจึงขอยกฉากจิกหมอนไปไว้ตอนหน้าแทน
ไม่ต้องห่วงค่ะ มุมขี้อ้อนของน้องไม่ได้มีไว้ใช้กับแค่พี่ชายอยู่แบ้ว
ฮิ 〔´∇`〕
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณสำหรับฟีดแบคตอนที่ผ่านมาเช่นเคยค่า
พอเหี่ยวเฉาแล้วกลับเข้าไปอ่านก็ยังคงใจฟู ขอบคุณมากจริงๆค่ะ /ไหว้ย่อ
คุยกันได้ที่เดิมเนอะ #PBITR
เจอกันตอนหน้ากับข่าวดีเกี่ยวกับเรื่องเล่มสำหรับคนที่ตอบแบบสอบถามว่าขอดูสุขภาพการเงินก่อน
เรามีอะไรมาให้เล่นกัน : )
ซียูซูนๆค่า
เริ้บ
m
i s s c o z y
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น