Chapter III : Simple things
Title : Chapter III : Simple things
Pairing : Hyunbin x Yongguk
Rated : PG
Genre : Omegaverse, Romantic
Has tag : #PBITR
-----------------------------------------------------------
“ยงกุกอา คิดถึงจนจะขาดใจอยู่แล้ว”
“นี่ก็น้ำเน่าได้ตลอด”
“หุบปากดงโฮ”
ยงกุกหัวเราะเสียงใสยามถูกเจ้าของประโยคที่พี่ดงโฮบอกว่าน้ำเน่ารวบตัวเข้าไปกอด ก่อนที่พี่ชายตัวโตอย่างคังแดเนียลจะพูดเสียงอู้อี้อยู่กับลาดไหล่บอบบางของคนเป็นน้อง
“พวกพี่เคลียร์งานเสร็จก็รีบมาหากุกเลยนะ”
“นึกว่าโกรธน้องไปแล้ว”
“เรามันดื้อ”
ถึงพี่ดงโฮจะว่าอย่างนั้น หากก็ยังเดินเข้ามากอดเขาอีกราย
กลายเป็นว่าตอนนี้เขาถูกพี่ชายตัวโตสองคนกอดจนจมหายมิดไปเสียแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นยงกุกก็ยังยิ้ม
พยายามจะกอดพี่ชายทั้งคู่ด้วยสองแขนบอบบาง
เราทั้งสามคนยังคงกอดและหัวเราะไปด้วยกัน
เหมือนเด็กๆไม่เปลี่ยนแปลง
ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้กลับบ้านเริ่มตีตื้นขึ้นในใจ
คิมยงกุกก็เพิ่งจะรู้วันนี้ตอนที่ได้รับอ้อมกอดจากพี่ชาย...เพิ่งรู้ว่าเขาคิดถึงบ้านมากแค่ไหน
“เข้าบ้านกันเถอะ
วันนี้กุกทำขนมไว้ให้ด้วยนะ”
เขาได้รับโทรศัพท์จากพี่ดงโฮเมื่อวันก่อนว่าวันนี้จะเข้ามาหาที่บ้านตระกูลควอน
และฮยอนบินก็ไม่ได้ว่าอะไรหากว่าพวกพี่ชายจะขอมาเยี่ยมเยือนกันที่บ้านบ้าง
วันนี้จึงเป็นวันแรกตั้งแต่วันแต่งงานที่ยงกุกได้เจอหน้าพี่ชายทั้งสองคน
“แล้วนี่คุณควอนเขาไปไหนล่ะ”
คังดงโฮกวาดสายตามองไปรอบบ้านหลังใหญ่ทันทีที่เดินตามน้องชายเข้ามา
เพราะอยู่กันแค่ไม่กี่คนล่ะมั้ง
บ้านตระกูลควอนจึงไม่ได้ใหญ่โตปานคฤหาสน์มาแต่ไหนแต่ไร
โดยนิสัยของนายใหญ่คนก่อนที่ค่อนข้างรักสงบ
ดูจะเน้นพื้นที่รอบนอกตัวบ้านเสียมากกว่า มีสวนดอกไม้กว้างขวาง กั้นส่วนของลูกน้องแยกห่างออกไปอย่างชัดเจน
แม่บ้านที่คอยจัดการงานในบ้านก็มีอยู่แค่คนสองคนเท่านั้น
ไม่มีการ์ดมาเดินเพ่นพ่านให้รกหูรกตา
ถือว่าน้องชายของเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างดีทีเดียว
“ทำงานครับ
ไม่รู้ว่าวันนี้จะกลับมากินข้าวเย็นอีกรึเปล่า”
คิมยงกุกนึกย้อนไปถึงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ควอนฮยอนทำตัวแปลกไปจากเดิม
แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ในเชิงไม่ดี
เพียงแต่เขาแปลกใจนิดหน่อย
อาจเพราะเริ่มชินกับการต้องกินข้าวเย็นคนเดียว
พอหนึ่งสัปดาห์มานี้ที่ฮยอนบินกลับมากินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านทั้งยังหอบงานกลับมาทำด้วยอีก
จึงชวนให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
มีเรื่องที่แปลกกว่านั้นอีกในช่วงสัปดาห์นี้
ควอนฮยอนบินผูกเนคไทไปทำงานทุกวัน
ใช่...ทุกวัน ซึ่งเขาไม่เคยถามถึงเหตุผลหรอก
พออีกฝ่ายถือเนคไทลงมา เขาก็แค่คอยผูกให้ก่อนไปทำงาน
กระทั่งจากเรื่องแปลกๆก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่งไปเสียแล้ว
ผู้ชายคนนั้นคงรู้สึกว่าผูกไทมันดูดีกว่าล่ะมั้ง...ถึงเขาจะสงสัยว่าทำไมเพิ่งจะมารู้สึกก็เถอะ
และถึงอย่างนั้น...แม้เราจะยังคงไม่พูดคุยกันมากนัก
แต่คิมยงกุกก็รับรู้ถึงอะไรบางอย่างระหว่างเราทั้งคู่ได้
อย่างน้อยความว่างเปล่าขนาดใหญ่ที่เคยก่อตัวระหว่างเราก็ดูเหมือนจะค่อยๆแคบลง
และแคบลงมาทุกวัน
“พี่แดนกับพี่ดงโฮจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยเลยไหมครับ?”
“อยากอยู่เหมือนกัน
แต่เรามีเรื่องต้องกลับไปจัดการน่ะ”
คิมยงกุกพยักหน้า เข้าใจดีว่าพี่ชายทั้งสองงานเยอะแค่ไหน
ยิ่งพี่ดงโฮที่จะต้องขึ้นเป็นนายใหญ่คนต่อไปยิ่งงานล้นมือ
“จริงๆอยากอยู่กับยงกุกทุกวันเลย
กลับไปนอนบ้านบ้างไม่ได้หรอ”
“เดี๋ยวจะคุยกับคุณควอนดูครับ...กุกก็คิดถึงบ้านเหมือนกัน”
เพราะอยู่ต่างเมืองกัน
จึงไม่ใช่เรื่องที่จะไปมาหาสู่กันได้บ่อยๆ
ยงกุกจึงทำเพียงยิ้มรับบางเบาให้กับพี่ชายขี้อ้อนอย่างคังแดเนียล
แม้จะพอเดาได้อยู่บ้างว่าคุณควอนคงไม่ว่าอะไรหากเขาจะขอกลับบ้านซักสักเดือนละครั้ง
ความจริงแล้วก่อนแต่งงานเขาเคยกังวลอยู่ไม่น้อย
เพราะดูภายนอกแล้วนายใหญ่ตระกูลควอนดูจะเป็นคนเงียบขรึม
แถมใบหน้าเรียบนิ่งกับดวงตาเรียวรีคมกริบแบบนั้นยิ่งทำให้ดูดุเข้าไปใหญ่
ทว่าพอเอาเข้าจริงๆ
ที่เขารู้สึกได้กลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้
คุณควอนก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่บ้าทำงานจนลืมกินข้าวเย็นแถมผูกเนคไทไม่เป็นก็แค่นั้นเอง
บางครั้งก็ดูจะใส่ใจคนรอบข้างเก่ง...ทั้งยังให้เกียรติเขาพอสมควร
ไม่ได้น่ากลัวแบบที่ใครเขาพูดกันเสียหน่อย
อย่างน้อยสัญชาติญาณของเขาก็บอกว่าควอนฮยอนบินเป็นคนดีคนหนึ่ง...และยงกุกก็เชื่อมั่นในสัญชาติญาณของตัวเองมาตลอดชีวิต
แต่ก็ไม่แปลกนักหากใครจะพากันบอกว่านายใหญ่ตระกูลควอนเป็นคนน่ากลัว
พ่อเคยบอกว่าบางครั้งเราก็จำต้องสวมใส่ตัวตนที่เราไม่ได้เป็นเพื่อปกป้องตัวเอง
ควอนฮยอนบินที่เป็นถึงหัวหน้าตระกูล
ครอบครองกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่อย่างควอนกรุ๊ปเอาไว้ในมือ หากไม่วางท่าทีน่าเกรงขาม
คงไม่วาย โดนโค่นล้มเอาได้ง่ายๆ
“แล้วอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้างยงกุก
สบายดีไหม? คุณควอนไม่ได้รังแกน้องใช่รึเปล่า?”
“ไม่ครับ คุณควอนเป็นคนดี”
คังดงโฮถึงกับสำลักน้ำผลไม้ที่แม่บ้านเพิ่งนำมาให้เมื่อครู่นี้
ทันทีที่น้องชายสุดที่รักตอบคำถามแดเนียลด้วยรอยยิ้ม
ดูเหมือนจะมีแค่น้องชายของเขาคนเดียวล่ะมั้งที่จะพูดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนดี
แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีใครเคยรับรู้ถึงนิสัยที่แท้จริงของนายใหญ่ตระกูลควอนหรอก
แต่ในเรื่องงาน ใครก็รู้กันดีว่าโหดขนาดไหน
เขากับแดเนียลถึงได้กังวลแทบตายตอนรู้ว่าน้องต้องแต่งงานกับใคร
ทว่าพอคิดให้ดีๆ
ที่คิมยงกุกจะบอกว่าควอนฮยอนบินดีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก...
คนอย่างนายใหญ่ตระกูลควอนก็ไม่ได้โง่ขนาดยอมบาดหมางกับตระกูลคังหรอก
แค่ยอมทำดีกับน้องชายเขานิดๆหน่อย
คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงเสียเท่าไหร่
ดงโฮคิดว่าสำหรับนายใหญ่ตระกูลควอนแล้วนั้น...คิมยงกุกคงจะเป็นหมากสำคัญที่จะยอมเสียไปในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขนาด
ตาคมมองยงกุกที่หัวเราะไปกับเรื่องราวที่แดเนียลเล่าให้ฟังอย่างสนุกสนานตามประสาคนช่างพูด
มีบางครั้งที่พยักหน้าแล้วหยุดฟังน้องชายคนเล็กเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ในบ้านหลังนี้บ้าง
หลายครั้งยามมองรอยยิ้มของน้องชายมันยิ่งทำให้รู้สึกแย่
ทั้งที่เขาคิดว่ามาตลอดว่าจะช่วยกันปกป้องน้องจากวังวนสกปรกโสมมในโลกของคนแบบพวกเรา
โลกของคนแบบเขา...โลกของคนแบบควอนฮยอนบิน
โลกที่น้องชายของเขาไม่ควรก้าวเข้าไป
หากวันนี้กลับต้องยอมปล่อยให้น้องชายเข้าไปเป็นหมากสำคัญเสียเอง…
อย่างไรก็ตาม
เห็นทีคงจะต้องหาเวลาคุยกับคุณน้องเขยอย่างจริงจังเป็นการส่วนตัวเสียหน่อยแล้ว...
เขาเองไม่ได้อยากตัดสินอีกฝ่ายไปก่อนจะได้คุยกัน
บางทีหลายๆอย่างก็อาจไม่เป็นอย่างที่เขาคิดไปเสียทั้งหมด...
.
.
.
.
เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนที่คิมยงกุกตื่นขึ้นเพราะอยู่ๆก็รู้สึกหิวน้ำ
หากแต่พอเดินกลับขึ้นมาแล้วผ่านห้องทำงานที่ทุกวันนี้คุณควอนใช้เวลาอยู่ในนั้นบ่อยๆหลังทานมื้อเย็นเสร็จ
สองขากลับต้องชะงัก เมื่อสังเกตเห็นแสงไฟที่ลอดผ่านช่องประตูออกมา
เกือบเที่ยงคืนแล้ว...ยังทำงานอยู่อีกหรอ?
โอเมก้าหนุ่มขมวดคิ้ว
หรือไม่บางทีควอนฮยอนบินอาจลืมปิดไฟก็เป็นได้
เพราะแบบนั้นสองขาจึงพาตัวเองเดินเข้าไปใกล้
ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูไม้เนื้อดีไปสามครั้ง พร้อมเอ่ยเรียก
“คุณควอนครับ?”
หากแต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ มือบางจึงตัดสินใจหมุนลูกบิดเข้าไปโดยนึกไปว่าฮยอนบินคงจะลืมปิดไฟจริงๆ
หากแต่ภาพที่ปรากฏแก่สายตากลับไม่ใช่โต๊ะทำงานว่างเปล่า
แต่ดันเป็นควอนฮยอนบินที่ฟุบหลับอยู่กับโต๊ะ
ทั้งที่ยังสวมแว่นสายตาอยู่เลย…
และไม่รู้ว่าทำไมคิมยงกุกถึงได้เผลอยิ้มออกมาเสียได้
เป็นคนบ้างานมากจริงๆด้วย
“คุณควอน...ตื่นก่อนครับ
นอนแบบนี้นานๆเดี๋ยวเมื่อยนะ”
มือบางแตะลงเบาๆบนต้นแขนของอีกฝ่ายก่อนเอ่ยเรียกให้รู้สึกตัว
เพียงแค่นั้นหัวคิ้วของคนที่ทำงานจนฟุบหลับคาโตีะก็เริ่มขยับ
ก่อนที่อีกฝ่ายจะค่อยๆหรี่ตามองเขา
“ยงกุก...ยังไม่นอนอีกหรอ?”
อัลฟ่าหนุ่มค่อยๆขยับลุกขึ้นนั่งดีๆก่อนจะบิดขี้เกียจหนึ่งหน
มองคนเป็นภรรยาที่ค่อยๆจัดแจงรวบกองเอกสารๆรกๆของเขาให้อย่างดี
ในขณะที่ริมฝีปากสีพีชนั่นก็เอ่ยตอบเขาไปด้วย
“ผมหิวน้ำก็เลยจะลงไปข้างล่างครับ
พอดีขึ้นมาแล้วเห็นไฟห้องทำงานเปิดอยู่ นึกว่าคุณลืมปิด เลยเข้ามาดู”
“อืม...ลืมดูเวลาเหมือนกัน
ฟุบหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย”
เป็นอีกครั้งที่ยงกุกยกยิ้มบางเมื่อจัดเอกสารให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้วหันไปมองคนที่ยืนปิดปากหาวอยู่
ควอนฮยอนบินในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาวและผมยุ่งๆกับแว่นทรงกลมแบบนั้นเป็นภาพแปลกตาสำหรับเขา
ด้วยเพราะปกติจะเจอกันในมื้ออาหารเช้าที่อีกฝ่ายแต่งตัวเรียบร้อยเตรียมไปทำงาน
และแม้จะเป็นวันหยุด ควอนฮยอนบินก็ยังไม่เคยอยู่บ้านอยู่ดี มีเรื่องให้ต้องออกนอกบ้านได้ตลอด
หลังมื้อเย็นก็พากันแยกย้ายอาบน้ำห้องใครห้องมัน
ไม่มีทางหรอกที่ยงกุกจะได้เห็นคุณควอนในมุมที่ดูจะธรรมดาอย่างถึงที่สุดแบบนี้
“งานเยอะมากเลยหรอครับ?”
“ไม่หรอก...แต่อยากเคลียร์ให้เสร็จก่อนมะรืนนี้น่ะ”
ประโยคนั้นของฮยอนบินทำเอายงกุกเลิกคิ้ว
“คุณควอนจะไปไหนหรอครับ?”
“ไม่ใช่ฉัน...เราต่างหาก”
“ครับ?”
“มะรืนนี้จะไปแทกูกัน...ไปหาแม่ฉันน่ะ
ท่านบ่นอยากเจอลูกสะใภ้จะแย่แล้ว”
นอกจากยิ้มกับทำหน้านิ่งแล้ว…
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ควอนฮยอนบินเห็นยงกุกมีสีหน้าเหวอจนเห็นได้ชัดขนาดนี้
ริมฝีปากบางที่เผยอออกน้อยๆกับดวงตาใสที่กระพริบปริบแบบนั้น…
ให้ตาย…
คนคนหนึ่งจะน่ารักในทุกสีหน้าและการกระทำแบบนี้ได้ด้วยหรือยังไงกัน
“ครับ...คือผม...ไม่คิดว่าจะ…”
คิมยงกุกไม่ได้ทันตั้งรับ
เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำตัวอย่างไรต่อหน้าคนที่เป็นถึงอดีตนายหญิงตระกูลควอน
เคยเห็นหน้าแค่ครั้งเดียวก็ตอนวันแต่งงาน
ไม่คิดว่าจะต้องพบเจอกันอีกครั้งรวดเร็วขนาดนี้
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาคิดอะไร
คนตัวสูงถึงได้เดินเข้ามาใกล้ แล้ววางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มก่อนจะลูบไปมาเบาๆ
“ทำหน้าอะไรแบบนั้นหืม?...แม่ฉันใจดีจะตาย ไม่ต้องกังวลหรอก”
น่าประหลาด…
เพียงแค่เพราะเสียทุ้มต่ำกับสัมผัสบางเบาหากแต่อบอุ่นที่วางบนเส้นผม…
เพียงแค่เพราะกลิ่นฝนที่ได้สัมผัสจากอีกคนในระยะใกล้…
ความกังวลที่ก่อตัวขึ้นก่อนหน้ากลับปลิดปลิวหายไปราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น
“ครับ
งั้น...เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะจัดกระเป๋าไว้”
“อืม...ฝากจัดให้หน่อยได้รึเปล่า?”
“ครับ…”
คิมยงกุกเพียงตอบรับสั้นๆ
ความประดักประเดิดพลันก่อตัวขึ้นในชั่ววินาทีนั้น
ทันทีที่ควอนฮยอนบินรู้ตัวว่าเขาเผลอทำอะไรลงไป
ชายหนุ่มค่อยลดมือลง ก่อนจะกระแอมในลำคอเล็กๆ
ทำเหมือนว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“งั้น...ไปนอนเถอะ...ฉันก็จะไปนอนแล้ว”
คิมยงกุกพยักหน้า
ก่อนจะเอ่ยลาเมื่อเราพากันออกมาจากห้องทำงาน
เตรียมจะแยกย้ายกันไปห้องใครห้องมันแล้ว
“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณควอน”
"ราตรีสวัสดิ์...”
ทันทีที่ประตูปิดลง...เราทั้งคู่ก็ต่างจมอยู่กับความรู้สึกแปลกๆที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่ในห้องทำงาน…
ที่ถึงแม้ว่าเราจะทำเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่สัมผัสอบอุ่นของควอนฮยอนบินและกลิ่นที่ฝนที่ชวนให้รู้สึกสงบใจนั้นก็ได้ทิ้งความรู้สึกบางอย่างเอาไว้...
และไม่มีท่าทีว่าจะหายไปง่ายๆเสียด้วย...
.
.
.
T
B
C.
B
C.
เราอยากทอล์คด้วยมาก แต่เราเพิ่งหายไข้ เราเปื่อย
เราหมดแรง ;____;
ยังไงก็ยังคงขอขอบคุณฟีดแบคสำหรับตอนที่ผ่านมาเช่นเคยค่ะ
ถึงทุกคนจะเบื่อ เราก็จะขอบคุณมันทุกตอนนั่นแหละ เพราะมันทำให้เรามีแรงเขียน
แม้จะรู้สึกเปื่อยขนาดนี้ รักนะคะ ღゝ◡╹)ノ♡
แล้วเจอกันแชปหน้าเมื่อเราสดใสมากกว่านี้เนาะ
เริ้บเหมือนเดิมค่ะ
m i s s c o z y
ยงกุกน่ารักมากกกกกก //แต่งดีมากค่ะ// ขอบคุณไรท์และ#คลังฟิคบินกุกที่ทำให้เจอฟิคเรื่องนี้
ตอบลบ